กรมอุตุฯ คาดยังมีฝนอีกระลอก สัปดาห์หน้ารับลมหนาว ด้าน รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่เมืองคอนถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือฝนภาคใต้ ส่วน กทม.เตือนคนกรุง ฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น ช่วง 9-12 พฤศจิกายนนี้

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ฝนสะสม 10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 8-17 พฤศจิกายน 2566 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) ว่าช่วงวันที่ 8-13 พฤศจิกายน คาดว่ายังมีมวลอากาศเย็นแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระลอกๆ แต่กำลังไม่แรง ลมหนาวที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน อากาศยังเปลี่ยนแปลง ฝนยังเกิดขึ้นได้ ช่วงแรกที่มวลอากาศเย็นแผ่ลงมา

นอกจากนี้ ยังมีลมตะวันออกพัดเข้ามาแทรกบางวัน ส่วนใหญ่ยังเป็นฝน/ฝนฟ้าคะนอง อากาศยังเย็นลงไม่มาก ความชื้นสูง โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล ต้องเฝ้าระวังฝนในระยะนี้ ยังแจ้งเตือน พี่น้องเกษตรกร ที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต (ข้าวนาปี) เช้าถึงบ่ายแดดพอมีแดด เย็นๆ อาจมีเมฆมาก และมีฝนมารบกวน ส่วนภาคใต้ยังมีฝนได้ต่อเนื่องหนักเบาสลับกันไป โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ต้องเฝ้าระวัง พี่น้องชาวเรือระวังคลื่นลมแรงบริเวณที่ฝนฟ้าคะนอง

ขณะที่ช่วงวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2566 เตรียมรับลมหนาว คาดว่าจะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอบน ทำให้ลมหนาวแรงขึ้น สัญญาณการเริ่มต้นฤดูหนาวเริ่มชัดขึ้นในช่วงนี้ เตรียมวางแผนไปสัมผัสเย็นได้ โดยเฉพาะตามยอดดอย ยอดภู พื้นราบอากาศเย็น สำหรับปีนี้การเริ่มต้นฤดูหนาวมาช้า อาจจะเลื่อนไปในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน(ช่วงวันที่ 14 หรือ 15 พฤศจิกายน) ช้าไปเกือบ 1 เดือน (ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลนำเข้าใหม่ ภายใต้เงื่อนไขของปีที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้สภาวะฝนและพายุเปลี่ยนแปลงไป)

วันเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย พร้อมคณะ รวมทั้ง นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ โดยมีการประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี ผวจ.ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รองอธิบดีกรมชลประทาน และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังขอเสนอแนะและแนวทางการปฏิบัติในการเตรียมพร้อมของแต่ละจังหวัด

เบื้องต้น รมช.มหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ รวมทั้งให้ประสานขอเครื่องมือ เครื่องจักร ยุทโธปกรณ์จากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสิ้นสุดฤดูฝน และไม่มีความเสี่ยงฝนตกหนักและเกิดภัยพิบัติ เพื่อให้นำมาเตรียมพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันทีที่มีเหตุการณ์

ส่วนข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัด เตรียมพร้อมรับมือในช่วงฤดูฝนปี 2566 (พื้นที่ภาคใต้) เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรีบแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง กรณีมีแนวโน้นคลื่นลมแรง ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เมื่อเกิดเหตุให้ระดมกำลังช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพ จนกว่าเข้าสู่ภาวะปกติ และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจพื้นที่เสียหาย ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูความเสียงหายให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต่อมา รมช.มหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำเฮลิคอปเตอร์ KA32 ในภารกิจบินตรวจสภาพพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและดินโคลนถล่ม รวมถึงตรวจสถานการณ์น้ำตามลำน้ำตาปี และลงจอดที่มณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับรับฟังสรุปรายงานผลการบินสำรวจตามลำดับ

ด้านนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.และโฆษก กทม.กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า (9-12 พฤศจิกายน 2566) จะมีความเข้มข้นของฝุ่นละอองสูง ในระดับสีส้ม เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ดี ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ยังมีโอกาสเกิดฝนตกและอาจส่งผลต่อค่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ให้ลดลงได้ กทม.จึงขอความร่วมมือประชาชนที่ต้องออกไปนอกบ้าน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย หากเป็นกลุ่มเปราะบางหรือสูงวัยไม่ควรออกจากบ้าน รวมทั้งงดออกกำลังกายกลางแจ้ง ซึ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้มีโรคประจำตัว หากมีอาการไอ จาม มีน้ำมูก หอบเหนื่อย มีผื่นแดงตามร่างกาย ให้รีบพบแพทย์ หรือพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอพพลิเคชัน ‘หมอ กทม.’ เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร.HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพสำนักการแพทย์ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง