“อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ลั่น หัวใจผมเป็นหมอ แต่ตัวยังไม่เป็นหมอ ขอพื้นที่พิสูจน์ได้ไหม มันเป็นศาสตร์ใหม่ของโลก ขณะที่ สบส.ไปแจ้งความเอาผิดแล้ว 3 ข้อหา เตือนเตรียมตัวให้ดี มีความผิดอื่นรออีกเพียบ
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต หลังเป็นกระแสขึ้นมากรณีมีการเปิดศูนย์รักษาอาการป่วยให้ประชาชน อ้างว่าใช้พลังจิตรักษาผ่านการสัมผัส ตบๆ ถีบๆ แล้วคนที่เดินเหินไม่ได้ ก็ลุกเดินได้ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
อาจารย์เอกบอกว่า ตนเองเป็นฤาษี ฝึกปฏิบัติด้วยตัวเอง ฝึกจิตฝึกสมาธิ จนรู้เรารู้แจ้งด้วยตัวเองว่า จิตของตนเองทำอะไรได้บ้าง เคยเป็นข่าวโด่งดังจน สธ.จังหวัดเคยเข้ามาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นเคยบอกไปแล้วว่า ไม่ได้เปิดเป็นสถานพยาบาล ไม่ได้เปิดรักษาคน แต่คนทราบข่าวเขาก็แห่มาหา จนเราต้องบอกว่าอย่ามา
แต่ตอนนี้ เรามีความพยายามจะทำให้มันถูกต้อง รวบรวมเอกสาร จะไปขอขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง เป็นศาสตร์การรักษาด้วยพลังจิต ซึ่งเรากำลังทำอยู่ อยู่ในขั้นตอน ตอนนี้ได้จดทรัพย์สินทางปัญญาเรื่องศาสตร์พลังจิตไปแล้ว
ขณะที่อาจารย์เอกบอกว่า ศาสตร์นี้ ไม่มีครู ไม่มีอาจารย์ เพราะตนทำได้เป็นคนแรก รักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็นได้ อย่างกรณีของยายเสา หมอลงความเห็นว่าตาบอดสนิท ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่อาจารย์เอกก็รักษาจนกลับมามองเห็นได้ กอดกับลูกหลาน มีคลิปเยอะแยะทำไมไม่เอามาลง
แต่พอรักษาหาย อาจารย์บอกยายว่า อาจารย์มาหายายหมดเงินแต่ละครั้งก็เยอะนะ ถ้ายายมีเงินแล้ว ให้ทางกรรมการชุมชนเขาพามาหาอาจารย์ จะได้รักษาต่อเนื่อง แต่ยายเสาไม่ได้มา การรักษามันยังไม่ได้เริ่มจริงจังเลย
ขณะที่ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ชี้ว่า สิ่งที่อาจารย์เอกทำ มันผิดหลักการวิจัย การทดลองทั้งหมด เพราะมันเป็นการทดลองในมนุษย์ โดยปกติในทางการแพทย์ การผลิตยา หรือการรักษาอะไรต่างๆ เขาไม่ทดลองในมนุษย์ มันอันตราย แล้วการรักษาด้วยหลักการอะไรต่างๆ มันต้องมีหลักการ มีผลการทดลอง การรักษามาชี้วัด มายืนยันว่าทำได้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นมันผิดทั้งหมด
นพ.ณัฐพงศ์ บอกอีกว่า ตนพูดในฐานะของหมอกระดูก คนหนึ่ง อย่างที่อาจารย์ลองเอามือสัมผัส เอาเท้าถีบ แล้วบอกว่ารักษาได้ มันเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงประชาชนมาก ว่าถ้าเขาเชื่อว่าสิ่งนี้รักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้จริง เขาไม่ยอมผ่าตัด ไม่ยอมไปพบแพทย์ แล้วอาการมันแย่ลง หรือถ้าเป็นโรคที่ร้ายแรงอย่างมะเร็ง โรคหัวใจ แล้วเขาทิ้งโอกาสที่จะได้รับการรักษา เพราะความเชื่อ แบบนี้ที่น่าเป็นห่วง
ขณะที่ นายกองตรี ดร ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯประจำรองนายกรัฐมนตรี ชี้ว่า อาจารย์เอกต้องพูดให้ชัดว่า ศาสตร์ของตัวเองมันคือ “ศาสตร์การแพทย์” หรือ “หมอ” กรณีที่เป็นแพทย์แผนไทย ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ ต้องมีการพิสูจน์ทราบผลการรักษา ตามหลักวิชาการ มีขั้นตอนพิจารณาคล้ายกับแพทย์แผนปัจจุบัน หรือถ้าเป็นหมอพื้นบ้าน เป็นศาสตร์สมุนไพร มันต้องพิสูจน์ทราบได้จริง แต่เรื่องพลังจิตมันไม่เคยถูกพิสูจน์ทราบ และไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ได้อย่างไรด้วย
ในเรื่องข้อกฎหมาย ถ้าดูจากพฤติการณ์แล้ว มันเป็นการรักษาพยาบาลแล้วแน่ๆ มันจะผิดทางอาญา ในเรื่องการเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิดด้านเวชกรรม เข้าเงื่อนไขความผิดตาม พ.ร.บ.เวชกรรม, ความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ความผิดอาญาทั้ง 5 ประการนี้ เท่าที่มอง อาจารย์เอกอาจจะเข้าข่ายทั้ง 5 ข้อเลย
ขณะที่อาจารย์เอก ยืนยันว่า ได้ฟังแล้วไม่ได้กังวล เพราะก่อนหน้านี้เราทำไป เราไม่ได้ศึกษาเรื่องกฎหมายลึกขนาดนั้น เราทำไปเพราะเราคิดว่าเราช่วยคน เราพิสูจน์ตัวเอง แล้วเราก็พยายามจะทำให้มันถูกต้อง เอาเข้าสู่กระบวนการทำให้ถูกต้อง
อาจารย์ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นหมอ แต่ใจอาจารย์เป็นหมอไปแล้ว สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ คือจะทำยังไงได้บ้าง เพื่อให้ตนสามารถมารักษาคน มาช่วยคนได้อย่างถูกต้อง อาจารย์จะทำทุกอย่างเลย
อาจารย์เอกบอกว่าขอพื้นที่ในการพิสูจน์ ว่ามันได้ผลจริงๆ ขอเอาเคสที่อาจารย์รักษาแล้วได้ผลมาพิสูจน์ได้ไหม เข้าใจว่ามันเป็นศาสตร์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนยังไม่เชื่อ ก็ขอเวที ขอพื้นที่ เชิญผู้เชี่ยวชาญทุกภาคส่วน มาช่วยพิสูจน์ได้ไหม บอกมาเลยว่าอาจารย์ต้องทำยังไง มันถึงจะได้รับการยอมรับ
นายชาตรี พินใย นิติกร ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข โฟนอินเข้ามาว่า ได้เข้าไปตรวจสอบสถานที่ ที่ทางอาจารย์เอกเปิดรับรักษาคนแล้ว พร้อมรวบรวมหลักฐานต่างๆ เมื่อพบมูลความผิด ทาง นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความ ที่ บก.ปคบ. เอาผิดอาจารย์เอกใน 3 ข้อหา ได้แก่ ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เราตรวจสอบแล้ว เข้าข่ายทั้ง 3 ข้อหา ซึ่งหลังจากนี้อาจจะขยายผลไปสู่ความผิดอื่นๆ อีก ทั้งความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน คดีผิดตามระบบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ คดีฟอกเงิน ซึ่งขอให้อาจารย์เอกเตรียมตัวไว้ให้ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี