ภารกิจล่า "เสี่ยแป้ง" ตำรวจเจอมรสุมอุปสรรคเทือกเขาบรรทัดเพียบ เส้นทางลื่น เกิดอุบัติเหตุ จำเป็นต้องดีดตัวออกจากรถ จนเกือบตกเหว โชคดีไม่บาดเจ็บและมีชาวบ้านช่วยหลังขับลงมาจากขนำจง ขณะที่อีกรายถูกทากกัดเลือดท่วมเท้า ส่วน "โล้น บ้านตระ" เป็นโชว์เฟอร์ขับรถให้ตำรวจลงมาซื้อข้าวสารโดยมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันนี้ (22 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์การติดตามล่าตัว "เสี่ยแป้ง" หนีออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.66 ซึ่งเป็นระยะเวลาครบ 1 เดือนในวันนี้จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 หรือเมื่อ 15 วันที่ผ่านมา ที่น้ำตกโตนตก หมู่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังชุมชนบ้านตระ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีการสับเปลี่ยนเวรและกำลังพลกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเฝ้าประจำจุด และการเดินลาดตระเวน บางชุดตรึงกำลังอยู่เป็นเวลา 24 ชั่วโมงและอีกชุดตรึงกำลังเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน และในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.วังวิเศษ ได้มาสับเปลี่ยนกำลังพลประจำจุดบริเวณน้ำตกโตนตกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะเหลียน และ สภ.คลองเต็ง ส่วนสถานการณ์สภาพอากาศยังคงมีฝนตกอยู่บ้างเป็นบางช่วง
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 และตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรังที่ได้ขึ้นไปปฎิบัติหน้าที่อยู่เหนือชุมชนบ้านตระ เป็นระยะเวลาจำนวน 2 วัน ได้ขับรถจักรยานยนต์ลงมาเปลี่ยนเวร จำนวนประมาณ 4-5 นายในสภาพที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก พร้อมกับต้องแบกเป้สะพายหลังอันใหญ่และสัมภาระ พร้อมกับแบตเตอร์รี่ ขนาด 10 วัตต์ ที่ใช้สำหรับวิทยุสื่อสาร เพื่อใช้ติดต่อกับกองอำนวยการร่วมที่อยู่ด้านพื้นล่างบริเวณน้ำตกโตนเต๊ะ ซึ่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางหลาย 10 กิโลเมตร ลงมาชาร์จแบตเตอร์รี่ เพื่อนำขึ้นไปปฎิบัติหน้าที่ใหม่ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.)
ขณะที่ตำรวจภูธรภาค 9 นายหนึ่ง ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีขาว-แดง ทะเบียน พัทลุง ลงมาจากเทือกเขาในสภาพรถพังเสียหาย และเต็มไปด้วยดินโคลน และมีร่องรอยดินโคลนติดตามเสื้อผ้าและลำตัว หลังจากเกิดอุบัติเหตุขับลงมาจากชุมบ้านตระ พร้อมกับเล่าว่าในจังหวะขับรถลงเนินเขาพื้นลื่น ประกอบกับยางล้อรถเป็นยางดอกลึก และยางตึงเกินไป ลืมปล่อยลมยางออกสักนิด ทำให้ล้อหลังฟาด จังหวะนั้นหากเบรก รถก็จะล้มลงไปยังเหว ตนจึงสละรถและทุ่มตัวออกมาจากตัวรถทันที และตัวรถได้ไปติดกับต้นไม้ โชคดีที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บ และกู้รถขึ้นมาขับลงมาได้ในด้านล่าง ในการปฎิบัติหน้าที่ครั้งนี้ตนขึ้นไปประจำอยู่ที่ขนำจง ซึ่งขึ้นไปภูเขาห่างจากพื้นล่างไปประมาณ 16 กิโลเมตรเป็นระยะเวลาจำนวน 2 วันแล้ว บางช่วงรถขับไปไม่ได้ก็ต้องอาศัยการเข็น เพราะตนต้องบรรทุกแบตเตอร์รี่ ที่ต้องใช้กับวิทยุสื่อสารไปด้วย เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
ด้านนายสมเจตน์ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านชุมชนบ้านตระ ได้ขับรถตามหลังนายตำรวจที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อจะมารับหลานสาวที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนบ้านควนไม้ดำ ได้เห็นเหตุการณ์เข้าและให้ความช่วยเหลือ พร้อมเล่าว่า ตำรวจขับรถเนิน รถก็เกิดฟาดท้ายเลย ตัวก็หลุดจากรถและกลิ้งลงบนพื้น ตนก็นึกว่าตำรวจจะบาดเจ็บ แต่พอเข้าไปดูและช่วยยกแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บ อุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านและตำรวจ ซึ่งชาวบ้านกับตำรวจต้องช่วยเหลือกัน
ขณะที่นายตำรวจอีกรายหนึ่งได้ขับรถมาเจอน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ต้องช่วยกันแบกรถจักรยานกับเพื่อนตำรวจเพื่อให้ผ่านพ้นทางที่มีน้ำป่าไหลหลากและตำรวจบางรายได้เปิดบาดแผลบริเวณข้อเท้าและฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยเลือดหลังจากถูกทากดูดเลือดกัดจนเป็นบาดแผลใหญ่
ส่วนนายวัลลภ หรือโล้น ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมขนำ เพื่อนำตัวมาเค้นสอบ หลังต้องสงสัยว่าเป็นคนส่งเสบียงให้กับพรานนก ที่คาดว่าเป็นพรานนำทางให้กับเสี่ยแป้งนั้น วันนี้นายวัลลภ หรือโล้น ได้เป็นโชว์เฟอร์ขับรถจักรยายนต์นำพาเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ลงมาด้านล่าง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เงินจำนวน 300 บาทเป็นสินน้ำใจ ก่อนที่นายวัลลภ หรือโล้น ได้ขับรถไปเติมน้ำมัน และซื้อข้าวสารจำนวน 5 กิโลกรัม พร้อมกับขนมเค้ก ขึ้นกลับไปบนขำบ้านตระเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว โดยภาษากายของโล้นมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี