สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรในไทย ดำเนินโครงการวิจัย “การพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ)” ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย สามารถผลิตตู้โดยสารรถไฟที่มีการออกแบบและผลิตขึ้นภายในไทย ให้มีความทันสมัย สะดวก สบาย พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยรองรับการใช้งานของผู้โดยสาร และ เป็นไปตามมาตรฐานของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า สจล. มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก “The World Master of Innovation” ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างนักวิจัย สร้างสรรค์นวัตกรรม และสร้างเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง สามารถนำไปใช้ได้จริง เกิดประโยชน์กับประเทศมากมาย และ สจล. พร้อมที่จะพัฒนาสนับสนุนแนวคิดให้พื้นที่สำหรับนักวิจัย นักวิชาการ และนักศึกษาอยู่เสมอ รวมทั้งการจัดทำโครงการวิจัย “การพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ)” นี้ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัย ของ สจล. และหน่วยงานพันธมิตรที่มีความสามารถขับเคลื่อนจนเป็นผลสำเร็จ
รศ.ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าโครงการวิจัย “การพัฒนารถไฟโดยสารต้นแบบ (รถไฟไทยทำ)” กล่าวว่า การทดลองวิ่งเสมือนจริงที่ผ่านมา เป็นไปอย่างราบรื่น ตู้โดยสารรถไฟตู้นี้ตั้งชื่อว่า “สุดขอบฟ้า” มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ มีระบบหน้าจอ Touchscreen ที่สามารถเข้าใช้ระบบ Infotainment เช่น YouTube,Netflix ดูอุณหภูมิภายนอกรถ ค่าฝุ่น PM2.5 รวมถึงข้อมูลตำแหน่งการเดินทางได้ มีระบบฆ่าเชื้ออัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิภายในตัวรถ มีระบบรักษาความปลอดภัย และสามารถใช้สัญญาณ 5G ได้ และโครงสร้างตู้โดยสาร ทางเดิน บันได ฯลฯ เป็นไปตามมาตรฐานของ ร.ฟ.ท. ออกแบบให้มี 25 ที่นั่ง ประกอบด้วย Super Luxury Class 8 ที่นั่ง และ Luxury Class 17 ที่นั่ง
“จากการประเมินราคาการผลิตตู้โดยสารรถไฟระดับนี้ เมื่อผลิตในไทยจะลดต้นทุนได้ไม่น้อยกว่า 30% ต่อ1ตู้โดยสาร และที่สำคัญเราสามารถสร้างนักวิจัยที่เกี่ยวข้องได้มากกว่า 30 คน จากการร่วมมือกันของ สจล. และ สวทช. ทำให้ผ่านการทดสอบ ตรวจสอบทุกระบบ ทุกขั้นตอน และผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวได้เป็นผลสำเร็จ รวมทั้งสามารถจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาได้ถึง 7 ผลงาน” รศ.ดร.สมยศ กล่าว
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สจล. เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางราง ด้านรถจักรล้อเลื่อนเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้า ร่วมมือกันคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางรางด้านรถจักรล้อเลื่อน เพื่อพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้วัสดุในประเทศ ส่งเสริมให้มีรูปแบบการบริการใหม่แก่ประชาชน
“ถือว่าเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลง และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของการรถไฟฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานและนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นผลักดันการใช้ “นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” หรืออุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation Auto motive) ในระบบคมนาคมขนส่ง โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แทนน้ำมันเชื้อเพลิงในระบบขนส่งของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดมลพิษ และบรรเทาภาวะโลกร้อน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกด้วย” นายนิรุฒ กล่าวทิ้งท้าย
โครงการวิจัยนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) บริษัท ไซโนเจนปิ่นเพชร จำกัด และให้คำปรึกษาและทดสอบจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การทำวิจัยครั้งนี้ ยังทำให้ได้พบว่ามีผู้ประกอบการในประเทศที่สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมและนำมาใช้ได้เป็นอย่างดีกับตู้โดยสารมากกว่า10 ราย เช่น ผลิตวัสดุในการทำที่นั่งเบาะ กระจก สีภายนอก ม่าน อุปกรณ์ให้แสงสว่าง ระบบปรับอากาศ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในตัวรถ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี