ครูชัยยศ เปิดใจ ตั้งรับแต่ไม่ยอมรับ หลังถูกชี้มูลความผิด ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อนักเรียน แต่กลับมาถูก “ตัวหนังสือฆ่าคน” ป.ป.ช.ชี้ เรื่องนี้มันปลายเหตุแล้ว ครูยังสู้ได้ต่อ

วันที่ 8 ธันวาคม 2566 รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี นายชัยยศ สุขต้อ ครูโรงเรียนบ้านยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ถูกปลดออกราชการ หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เหตุปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่ได้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย กรณีโครงการอาหารกลางวันของนักเรียน

โดยนายชัยยศ ถูกแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการตรวจและตรวจการจ้างซึ่งมีหน้าที่ไปตรวจสอบว่าการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่

ปรากฏว่าโครงการดังกล่าว มีการอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง มีการอนุมัติเงินสดยืมทดรองเพื่อนำไปจ่ายเอง แต่ตามระเบียบจะต้องจ้างบุคคลหรือนิติบุคคลดำเนินการประกอบอาหาร แต่ครูที่ได้รับการอนุมัติในการดำเนินการไปจ้างเอง และเบิกเงินมาสัปดาห์ละ 60,000 บาท และยอดเงินเหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท และไม่สามารถชี้แจงได้ว่า เงินส่วนที่ขาดนี้ไปอยู่ไหน

อาหารของเด็กถูกร้องเรียนว่าไม่ได้คุณภาพ มีการส่งภาพถ่ายมาว่ามีแกงต้มฟักกับซี่โครงให้เด็กกิน มาตรฐานอาหารต่ำไปเพราะมีการเบียดบังยักยอกเงิน เพราะฉะนั้นคนที่ไปตรวจรับอาหาร หากตรวจรับไม่ถูกต้อง ต้องมีหน้าที่ตรวจสอบว่ามีการจะซื้อจริงหรือไม่

ตรวจสอบเอกสารชดใช้เงินยืมนางบุณยนุช ได้จัดพิมพ์ใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารเป็นเท็จ แยกเป็นรายวัน วันละ 3 ใบ รวม 15 ใบ ทั้งที่มีการส่งอาหารสดและอาหารแห้งมายังโรงเรียนบ้านยางเปาสัปดาห์ละครั้ง โดยระบุใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารไม่เกินใบละ 10,000 บาท โดยเพิ่มราคาต่อหน่วยของวัตถุดิบ

เอกสารนี้ มี นางจิราพรรณ และนายชัยยศ เป็นกรรมการตรวจรับได้ลงลายมือชื่อรับรอง และนางบุณยนุช ใจปินตา จึงได้นำใบรับรองดังกล่าวมาเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน

การที่นางบุณยนุช ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหารกลางวัน เบิกเงินจัดหาอาหารกลางวัน และ นายจรัส ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางเปา อนุมัติให้ยืมเงิน โดยไม่ได้ขออนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ และมีการทำใบรับรองการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน โดยมีนางจิราพรรณ และนายชัยยศ ลงชื่อรับรองอันเป็นเท็จ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด เพราะการที่คุณครูชัยยศบรรยายว่าทำความดีอะไรมาบ้าง เป็นเรื่องที่ทุกคนชื่นชม

ขณะที่ครูชัยยศ ยืนยันว่า ตนไม่รู้จริงๆ ในเรื่องความเข้าใจเรื่องเอกสาร แต่ได้รับมอบหมายจาก ผอ. ให้เป็นคนตรวจรับวัตถุดิบอาหาร ตนไม่มีความรู้เลย และไม่มีการอบรมต่างๆ ให้ความรู้เราในเรื่องนี้ เขาให้เซ็นก็ต้องเซ็น

ถ้าตนรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง มันผิด ตนไม่เซ็นแน่นอน แต่เมื่อตนไม่รู้ คิดว่ามันเป็นงานง่าย ตรวจๆ แล้วก็เซ็นรับ ถามว่าถ้าตนไม่เซ็นได้ไหม ในเมื่อตนเป็นครูชั้นผู้น้อย ผอ.สั่งให้ทำหน้าที่ตรงนี้ ก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะอยู่ได้อย่างไร

ยอมรับว่าการเซ็น ที่บอกว่าวันหนึ่งมาเซ็นวันละ 3 ใบ เพราะเราไปตรวจรับทีเป็นล็อตใหญ่ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาให้เราเซ็น เราก็ดูว่าจำนวนมันครอบแล้วก็เซ็น ยืนยันว่าถ้ารู้มาก่อนว่ามันไม่ถูกต้อง จะไม่เซ็นแน่นอน ตนไม่คิดจะทุจริตทรยศอาชีพครู

สำหรับข้อหาที่ครูชัยยศ ถูกชี้มูลคือ “เอื้อให้ผู้อื่นทุจริต” ไม่ใช่ข้อหาทุจริตด้วยตัวเอง ซึ่งทนายแก้วชี้ว่า การถูกลงโทษว่า ปลดออกจากราชการ หรือไล่ออกจากราชการ มันต่างกันในเรื่องสิทธิ์ในการรับบำเหน็จบำนาน ถ้าปลดออก จะยังได้รับบำเหน็จบำนาญประมาณ 70% แต่ถ้าไล่ออกจะไม่ได้รับเลย ในส่วนของครูชัยยศ เป็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งยังสามารถร้องขอความเป็นธรรม และต่อสู้ในทางกฎหมายได้อยู่

ถามว่าจะสามารถชี้ให้เห็นถึงเจตนาได้ไหม ว่าไม่มีเจตนาทุจริต เรื่องนี้ตอบยาก เพราะศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานต่างๆ แล้วจะตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิด หรือจะพิพากษาอย่างไร

นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้ว่า เรื่องที่ครูชัยยศโดนเป็นเรื่องปลายเหตุ แต่ถือป็นบทเรียนให้กับเจ้าพนักงานทุกคนของไทยเลยว่า การเซ็นอะไรต่างๆ ถ้าเซ็นด้วยความเกรงกลัว เกรงใจผู้บังคับบัญชา มันอ้างไม่ได้ ถ้าเฉลียวสักนิดว่ามีความผิดปกติ แล้วมาร้องกับ ป.ป.ช. ยอมขัดใจผู้บังคับบัญชา เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เรื่องนี้จะออกมาอีกแบบเลย
ครูชัยยศยังทิ้งท้ายว่า เสียใจและเสียดาย ที่เราสู้เพื่ออาชีพครูมานาน อีกนิดเดียวจะเกษียณอายุราชการแล้ว เราทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อนสอนเด็ก ยังอยากจะสู้ต่อ เรื่องที่เกิดขึ้นขอตั้งรับ แต่ไม่ขอยอมรับ ยืนยันว่าตนไม่คิดทรยศอาชีพครู เรื่องนี้ตนไม่โกรธใครเลย ไม่ว่าจะ ผอ. ครู หรือ ป.ป.ช. รู้ว่าทุกคนล้วนทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เสียใจที่ตัวหนังสือ หรือตัวบทกฎหมายมันฆ่าคน