ประชาชนแห่กลับตจว.คึกคัก
ร่วมฉลองปีใหม่
‘มิตรภาพ-พหลโยธิน’ติดขัด
มหาดไทยสั่งจนท.ใช้ก.ม.เข้ม
เตือนอย่าพกปืน-ห้ามยิงขึ้นฟ้า
โฆษกรัฐบาลเป็นห่วงอัคคีภัย
เริ่มแล้ว 7 วันอันตรายรับปีใหม่ 2567 มหาดไทยตั้งศูนย์รายงานยอดเจ็บ-ตายบนท้องถนน 30 ธันวาคม 2566-5 มกราคม 2567 เตือน “ห้ามพกพาปืนออกนอกบ้าน –ห้ามยิงขึ้นฟ้า”ขณะที่ประชาชนทยอยออกต่างจังหวัดฉลองปีใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งสายเหนือ สายอีสาน สายใต้
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทยแถลงถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยของประชาชนช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ตั้งแต่วันนี้จนถึง 1 มกราคมของกระทรวงมหาดไทย (มท.)ว่า ปีใหม่ 2567 มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดจำนวนมาก เพื่อให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สังกัดกระทรวงมหาดไทยมีส่วนสำคัญในการดูแลความสงบเรียบร้อยช่วงเทศกาลสำคัญนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มอบนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินการอย่างเข้มงวด
มท.1เข้มขรก.เมาขับ-ยุ่งยาโทษหนัก
“ให้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้มงวดและตรวจสอบข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด หากพบมีข้าราชการที่ดื่มแล้วขับ ขอให้ลงโทษสถานหนักอย่างเคร่งครัด ตามมาตรฐานการลงโทษทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยข้าราชการพลเรือน หรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น”โฆษกกระทรวงมหาดไทยกล่าว
และว่า รมว.มหาดไทยให้ทุกส่วนราชการกระทรวง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ตรวจสอบข้าราชการ สมาชิก อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.)ว่ามีพฤติกรรมเสพหรือยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ หากพบยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ให้ดำเนินการตามมาตรฐานการลงโทษทางวินัย ตามกฎหมายว่าด้วยข้าราชการพลเรือน กฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งอปท. กฎหมายว่าด้วยวินัยกองอาสารักษาดินแดนและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด และรายงานการดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยทราบทันที
ปลัดมท.ย้ำดื่มไม่ขับ-ขับไม่ดื่ม
ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการกวดขันช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่า รัฐบาลห่วงใยการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือการเดินทางท่องเที่ยว จึงขอเตือนประชาชนว่าดื่มไม่ขับ ขับต้องไม่ดื่มเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข ไม่ต้องดูแลปรนนิบัติอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจากอุบัติเหตุ ส่วนกรณีกลับถึงภูมิลำเนา การเลี้ยงฉลองหรือการดื่มกิน ขอให้อยู่ที่บ้าน ขณะที่สังสรรค์กับเพื่อนฝูงพวก ขอให้ยึดหลักการดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่มพยายามไปกับคนที่ไม่ดื่ม หรือไปด้วยกันหลายคน
ห้ามพกปืน-งดยิงปืนฉลองปีใหม่
ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันช่วงเทศกาลปีใหม่ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้รับคำสั่งให้เคร่งครัดจัดระเบียบสังคม และตรวจติดตามการทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธปืนโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยสั่งให้ทุกจังหวัดห้ามออกใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน ไม่สามารถพกพาอาวุธปืนไปนอกเคหะสถานได้ โดยหน่วยงานราชการ หน่วยงานท้องถิ่น ตำรวจฝ่ายปกครองจะมีมาตรการตรวจค้นอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายอื่น ฝากถึงประชาชน อย่าหลงลืมแล้วพกพาอาวุธปืน เพราะเราไม่อนุญาต สิ่งที่เกิดเหตุทำความผิดเป็นประจำทุกปีคือการยิงอาวุธปืนขึ้นท้องฟ้าเพื่อฉลองปีใหม่ ขอให้งดการยิงปืนเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ เพราะการยิงปืนขึ้นฟ้าในที่ชุมชนถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
สั่งทุกจว.เฝ้าระวังอัคคีภัย-อุบัติเหตุ
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนจากอัคคีภัยช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่หยุดยาวต่อเนื่องถึงวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ห้างร้านหรือบริษัทบางแห่งอาจหยุดยาวต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ เพื่อให้ลูกจ้างกลับภูมิลำเนา เพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว ประชาชน ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้น หากเป็นไปได้ควรถอดปลั๊กของอุปกรณ์ไฟฟ้าออก นอกจากนี้ เพื่อความไม่ประมาท ขอให้ประชาชนตรวจสอบสายไฟ ปลั๊กไฟและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ หากพบชำรุดให้แก้ไขทันที ปิดสวิตซ์ ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งานหรือก่อนออกจากบ้านเรือน ลดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัย
“หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงโทรแจ้งสายด่วนนิรภัย 1784 ซึ่งรัฐบาลโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ประสานทุกจังหวัดเตรียมพร้อมป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยและอุบัติภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายชัย กล่าว
BTSสายสีเขียว-สีทองเปิดถึงตี2
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางฉลองเทศกาลปีใหม่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ขยายเวลาให้บริการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีทอง ในคืนวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 ถึงเวลา 02.00 น.ของวันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 โดยรถไฟฟ้าบีทีเอสขบวนสุดท้ายจะออกจากสถานีต้นทาง เวลา 02.00 น. และขบวนสุดท้ายที่จะออกจากสถานีสยามไปยังทุกสถานี เวลา 02.24 น. สำหรับตารางเวลารถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายของแต่ละสถานีตรวจสอบได้ที่แอปพลิเคชัน The SKYTRAINs สำหรับลานจอดแล้วจร (สถานีหมอชิต) จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางไปร่วมกิจกรรม สังสรรค์หรือชมแสงสีในคืนแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
4สนามบินเปิดให้จอดรถฟรี
นายคารมกล่าวต่อว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กระทรวงคมนาคม มอบของขวัญปีใหม่ 2567 ด้วยการยกเว้นอัตราค่าบริการจอดรถยนต์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ดังนี้ ทสภ. เตรียมพื้นที่จอดรถยนต์บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาวโซน C ตั้งแต่เวลา 00.01 น.วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึงเวลา 24.00 น.วันที่ 1 มกราคม 2567 จอดรถยนต์ได้ 718 คัน โดยมีรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ - ส่ง ผู้โดยสารภายใน ทสภ.ไปยังอาคารต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนทดม.เตรียมพื้นที่จอดรถบริเวณระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ตั้งแต่เวลา 00.01 น.วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 23.59 น.วันที่ 1 มกราคม 2567 จอดรถยนต์ได้ 250 คัน โดยมีรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ - ส่งผู้โดยสารระหว่างที่จอดรถยนต์กับอาคารผู้โดยสารทุก 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง และทภก.เตรียมพื้นที่จอดรถหน้าอาคารสำนักงาน ทภก. ตั้งแต่เวลา 01.00 น.วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2567
สมุทรสาครคิกออฟรณรงค์ลดอุบัติเหตุ
ส่วนการดำเนินมาตรการลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ของแต่ละจังหวัดเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยนายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 จังหวัดสมุทรสาคร และปล่อยขบวนรถรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำ กำหนดช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วันลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566- 4 มกราคม 2567 ใช้ชื่อการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เพื่อกระตุ้นเตือนผู้สัญจรช่วงเทศกาลตระหนักผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนและตระหนักถึงการสวมหมวกนิรภัย รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นเตือนประชาชนถึงนโยบายการบังคับใช้กฎหมายด้านจราจรอย่างเข้มข้น ตามมาตรการ “จับ/ปรับจริง” อีกด้วย
อ่างทองสายเอเชียรถเคลื่อนตัวช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรถนนสายเอเชีย ผ่านจ.อ่างทอง ตั้งแต่อำเภอเมืองรอยต่ออำเภอมหาราช จ.พระนครศรีอยุธยาถึงอ.ไชโย รอยต่ออ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี การจราจรหนาแน่นตลอดเส้นทาง มีรถยนต์หนาแน่นเต็มทุกช่องจราจร ใช้ความเร็วได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชะลอตัวเป็นระยะตามทางแยก ทางโค้ง หลังประชาชนแห่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่
มิตรภาพรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ เส้นทางสู่ภาคอีสาน ยังหนาแน่นมาต่อเนื่องตลอดคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้า เพราะเป็นวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่วันแรก ประชาชนออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ต้องจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางที่เดินทางกันตลอดทั้งวัน โดยตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับตำรวจทางหลวงและกรมทางหลวงเปิดปฎิบัติการ “เขียวยาว” ตลอด ถ.มิตรภาพ ตั้งแต่อ.พล จ.ขอนแก่นไปจนถึงอ.เมือง จ.หนองคาย ให้รถขาล่องที่เดินทางมาจาก กรุงเทพฯ เข้าพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ซึ่งมีปริมาณหนาแน่นเดินทางได้อย่างคล่องตัวทั้งหมด
หยุดวันแรกรถแห่ไปอีสานนับหมื่นคัน
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เผยว่า ปริมาณรถที่เข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนในความรับผิดชอบของ ตร.ภ.4 นั้นหนาแน่นมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา วันนี้คาดว่าจะมีปริมาณรถมากที่สุดที่เข้ามาในเขตอ.พล ประตูสู่ภาคอีสานตอนบนนับหมื่นคัน จึงกำหนดมาตรการเขียวยาว ด้วยการจัดระบบการจราจรทั้งปิดจุดกลับรถ ใช้สัญญาณไฟควบคุมในสี่แยกหลัก และจัดการจราจรด้วยเจ้าหน้าที่ตามปริมาณรถที่หนาแน่น เพื่อให้รถในเส้นทางสายหลักคล่องตัวตลอด 24 ชั่วโมง
โคราชแห่ขึ้นรถไฟกลับบ้านหนีรถติด
ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ประชาชนจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานและนักเรียน นักศึกษามาใช้บริการรถไฟกันเนืองแน่นชานชาลา 2 รอขึ้นขบวนรถท้องถิ่น 431 ชุมทางแก่งคอย-ขอนแก่น เพื่อกลับภูมิลำเนาเดิม ไปฉลองเทศกาลปีใหม่กันอย่างคึกคัก นายอำพล รัตนิยะ นายสถานีรถไฟนครราชสีมาเผยว่า ช่วงเทศกาลสำคัญ จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเต็มทุกเที่ยววิ่ง เนื่องจากราคาตั๋วไม่ได้ปรับเพิ่มเป็นเวลากว่า 30 ปี ประกอบกับเป็นเส้นทางรถไฟทางคู่ ขบวนไม่ต้องรอจอดสับหลีกและไม่ต้องเผชิญการจราจรติดขัด ที่สำคัญการเดินทางปลอดภัย การใช้บริการรถไฟจึงเป็นนิยมของคนท้องถิ่น
ส่วนบรรยากาศการจราจรในพื้นที่จ.พะเยา ประชาชนเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นของภาคเหนือทำให้สภาพการจราจรบนถนนพหลโยธิน นครสวรรค์-เชียงราย ตั้งแต่บริเวณสี่แยกแม่ต่ำ และอีกหลายไฟแดงในเขตพื้นที่จังหวัดพะเยา การจราจรเริ่มหนาแน่นและติดขัดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกต่างๆ ทั้ง 2 ช่องจราจรเต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก แต่รถยังวิ่งได้สะดวก
สนามบินเชียงใหม่คึกคักคนแห่ใช้1.8คน
ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ คึกคัก มีผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงเชียงใหม่ ทั้งที่กลับภูมิลำเนาช่วงสิ้นปีและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมารอฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามการเดินทางในท่าอากาศยานเชียงใหม่คาดว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2567 จะมีผู้โดยสารมากกว่า 1.8 แสนคน หรือเฉลี่ยวันละกว่า 2.4 หมื่นคน โดยจะมีเที่ยวบินรวมกว่า 1.2 พันเที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 176 เที่ยวบิน ซึ่งจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และเที่ยวบินเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอาจมีผู้โดยสารสูงสุดถึงวันละ 2.7-3 หมื่นคน จึงแจ้งให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ช่วงนี้ควรเดินทางถึงสนามบินก่อนเดินทาง 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีปริมาณผู้โดยสารหนาแน่น
ขนส่งเชียงใหม่เพิ่มเที่ยวรถ
เช่นเดียวกับ ถนนเข้าสู่จ.เชียงใหม่เริ่มมีปริมาณรถเพิ่มขึ้น เพราะมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาถึง เช่นเดียวกับที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ผู้โดยสารหนาแน่น ทั้งที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและมาท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่เชียงใหม่ ส่วนสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ขนส่งเชียงใหม่เผยว่า ผู้โดยสารและเที่ยวรถเพิ่มขึ้นจากปกติประมาณร้อยละ 30 โดยเฉพาะรถโดยสารเชียงใหม่-กรุงเทพฯ จากเดิมวันละ 68 เที่ยว เพิ่มขึ้นเป็น 88 เที่ยว
รถไฟลงใต้เต็มยาวถึง6มค.67
ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา บรรยากาศการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่เริ่มคึกคักมีผู้โดยสารทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปรอเดินทางด้วยรถไฟตั้งแต่ช่วงเช้า รถไฟทุกขบวนทั้งขบวนรถท้องถิ่นและขบวนรถด่วนรถเร็วทุกขบวนมีผู้โดยสารแน่นทุกขบวน โดยเฉพาะขบวนรถด่วนและรถเร็วขึ้นล่องกรุงเทพฯตั๋วโดยสารชั้น1เต็มยาวไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม
เช่นเดียวกับเส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ที่ไปเชื่อมต่อกับรถไฟมาเลเซียที่สถานีปาดังเบซาร์ชายแดนไทยมาเลเซียอ.สะเดา จ.สงขลา ผู้โดยสารทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเต็มเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของเส้นทางรถไฟจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกขบวนสิ้นสุดการเดินทางแค่สถานีรถไฟยะลาเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางรถไฟในพื้นที่ จ.นราธิวาส ถูกน้ำท่วมทางขาดเสียหายหลายจุดคาดว่าจะต้องใช้เวลาซ่อมแซมทางอย่างต่ำ 17 วัน ในส่วนขบวนรถเร็ว 171 กรุงเทพฯ อภิวัฒน์-สุไหงโก-ลก กับขบวนรถด่วน 37 กรุงเทพฯอภิวัฒน์-สุไหงโก-ลก การรถไฟนำรถบัสมาขนถ่ายผู้โดยสารที่สถานีรถไฟยะลาเดินทางต่อไปยังปลายทางที่สถานีสุไหงโก-ลก เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม โดยเริ่มขนถ่ายวันนี้เป็นวันแรก
เริ่มแล้ว7วันอันตราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) จะมีการสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประจำวัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2566- 5 ม.ค.2567 โดยจะมีการประชุมอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ และแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานฯ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ตลอดทั้ง7วัน
ทั้งนี้สำหรับการแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี พ.ศ. 2567 วันสุดท้าย(5ม.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จะเป็นประธานพิธีตั้งแต่เวลา 10.00น. เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี