4 มกราคม 2567 เมื่อ 3 มกราคมที่ผ่านมา นายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน ได้รับแจ้งว่ามีบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ทรุดตัวได้รับความเสียหายหลายหลัง ภายในหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กองช่างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบไปให้การช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเข้าจากถนนประชาอุทิศ 90 มุ่งหน้าวัดจันทร์แก้วเพชรประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านขวามือ พบเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้นปลูกติดกันจำนวน 50 คูหาแบ่งเป็น 2 ฝั่งฝั่งละ 25 หลัง บริเวณทาวน์เฮ้าส์ด้านซ้ายมือ เลขที่ 233 235 239 และ 241 เกิดการทรุดตัว บริเวณด้านหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัวและห้องน้ำพังถล่มลงมา เศษอิฐ เศษปูน หล่นลงมากองกับพื้น บริเวณหน้าบ้านพบกำแพงบ้านและหน้าต่างแตกแยกจนเอนเอียงไปทางด้านหลังบ้าน
โดยทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อบต.บ้านคลองสวน ได้ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ให้ผู้ที่มีส่วนไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบ้านและยังไม่อนุญาติให้เจ้าของบ้านข้ไปเก็บทรัพย์สินภายในตัวบ้านเหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย และเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นจนพังถล่ม
จากการสอบถาม นายเล็ก ต้นสน อายุ 63 ปี เจ้าของบ้าน ทราบว่า ตนเป็นพนักงานรับ-ส่งสินค้าอยู่ในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยบ้านหลังดังกล่าวตนได้ซื้อต่อมาจากครูที่เกษียณราชการไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ในราคา 500,000 บาท โดยปกติจะพักอยู่กับลูกและภรรยารวมกัน 5-6 คน แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาลูกได้ไปซื้อบ้านอยู่อีกแห่งหนึ่ง ตนจึงอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว
กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปูนของบ้านเลขที่ 239 ซึ่งอยู่ติดกับบ้านตนและบ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัยมานานกว่า 2-3 ปี ลั่นมาโดยตลอด บางครั้งลั่นทุกชั่วโมง บางครั้ง 2-3 ลั่น 2-3 ครั้งแต่ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 3 มกราคม 2567 ในขณะที่ตนนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านได้ยินเสียงปูนลั่นเหมือนเดิมและเหมือนลั่นในบ้านของตนด้วยจำนวน 2-3 ครั้ง ตนจึงลุกขึ้นเดินดูรอบบ้าน พบว่าปูนบริเวณหลังบ้านเริ่มหล่นลงมาจำนวนมาก ก่อนที่มีเพื่อนบ้านจะตะโกนเรียกตนให้รีบหนีออกมาจากตัวบ้าน
ในระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกจากบ้าน ยังได้ยินเสียงตัวบ้านลั่นอีก 2-3 ครั้ง ตนจึงรีบกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านรอดตายอย่างหวุดหวิด ทำให้ข้อเท้าด้านขวามีอาการปวดเจ็บ หลังจากที่ได้ออกมาจากตัวบ้านแล้วยืนดูตัวบ้านอยู่สักครู่ใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์อยู่ในบ้านจึงวิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ในบ้านก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาได้ โดยหลังจากเกิดเหตุแล้วตนจะไปพักอาศัยอยู่บ้านลูกและคงต้องรอหน่วยงาน ในพื้นที่มาตรวจสอบและยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งตนเป็นห่วงข้าวของที่อยู่ในบ้านเพราะมีหลายอย่าง ตอนที่ตนหนีออกมามีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวกับโทรศัพท์มือถือเพียง 1 เครื่องเท่านั้น
กระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 3 มกราคม 2567 ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยพร้อมเจ้าที่ที่เชี่ยวชาญได้เดินทางมายังพื้นที่ที่เกิดเหตุพร้อมเดินสำรวจโดยรอบ เบื้องต้นสันนิฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากฐานล่างของตัวบ้านเกิดการทรุดตัว โดยเกิดจากที่ตัวบ้านเลขที่ 239 ซึ่งสังเกตด้วยสายตาพบว่าบ้านหลังดังกล่าวทรุดตัวมากกว่าหลังอื่นๆ ก่อนที่จะดึงบ้านข้างเคียงพ่วงลงไปด้วย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ในตอนเช้าให้นำอุปกรณ์มาตรวจสอบระดับการทรุดตัวของตัวบ้านว่า มีเพิ่มเติมอีกหรือไม่และประชาสัมพันธ์เจ้าของบ้านไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านโดยเด็ดขาด
ทางด้านนายพินิจ เติมบุญ นายก อบต. บ้านคลองสวนกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไว้โดยรอบพร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เกรงว่าบ้านจะถล่มลงมาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตพร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บ้านคลองสวน เข้ามาอำนวยความสะดวกและป้องกันบุคคลอื่นเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์เร่งเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยเร็วเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน อีกทั้งจะจัดตั้งจุดลงทะเบียนพร้อมเยียวยาเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นดังกล่าว.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี