‘อัจฉริยะ’สวนกลับ‘แม่แตงโม’ปล่อยหมักน็อกโชว์หลักฐาน‘ปอ-โรเบิร์ต’โอนเงิน 4 แสนเข้าบัญชีที่ปรึกษากฎหมาย อ้างค่าคอมมิชชั่นรถหรูมือสอง แจงหากเป็น‘โบนัสแม่’ ทำไมทั้งคู่ไม่โอนตรงเข้าบัญชีแม่ จี้ 2 ลูกชายสุดรักแม่เร่งคลี่ปม ยันไม่มีใครอมเงิน ลั่นขอให้มีความเป็นแม่บ้าง ไม่ใช่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ควรสนใจปมการตายของลูกสาวมากกว่า พร้อมเปิดคลิปเสียงแม่แตงโม สั่งร่างฟ้องว่าแตงโมถูกทำร้ายร่างกาย
ความคืบหน้ากรณีนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ดาราสาวแตงโม นิดา ออกมาแถลงพาดพิงที่ปรึกษากฎหมาย โดยกล่าวหาอ้างว่ายักยอกทรัพย์เงินกว่า 5 แสนบาท อีกทั้งยังไปยื่นฟ้องนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต และนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ ว่า ข่มขืนแตงโม โดยมีหลักฐานเป็นสลิปโอนเงินและจดหมายบันทึกส่งมอบเงินสดตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.66 ก่อนที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะเป็นตัวแทนของทีมทนายความที่ถูก “แม่แตงโม” พาดพิง ออกมาตอบโต้เรื่องดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 มกราคม 2567 ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นตัวแทนในการแถลงข้อเท็จจริงให้สังคม แซน โรเบิร์ต ปอ และทนายเดชาเพื่อนรักของตนได้ทราบความจริงว่าการแถลงวานนี้ (8 ม.ค.67) ของคุณแม่ไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีที่ตนต้องมายุ่งในเรื่องนี้เพราะตนเคยโดนแม่กระทำแบบนี้มาก่อน พอได้ผลประโยชน์ มักจะอ้างว่าที่เซ็นมอบอำนาจให้นั้น ไม่ใช่เรื่องจริง แล้วก็ไปถอนคดีที่ศาล ตนโดนมาแล้ว หมดค่าใช้จ่ายไป 500,000 บาท ตนจึงไม่อยากให้มีใครตกเป็นเหยื่อของคุณแม่อีก เพราะเวลาคุณแม่ไม่พอใจก็เทคนทิ้ง จะสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาคุณแม่เททิ้งหลายชุดแล้ว
“จากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่อ้างว่าทีมที่ปรึกษากฎหมายยักยอกเงินนั้น ตนอยากฝากบอกคุณแม่ว่าขอให้มีความเป็นแม่ ไม่ใช่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ควรสนใจปมการตายของลูกสาวมากกว่าเรื่องเงิน” นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ที่ปรึกษากฎหมายของคุณแม่ เป็นคนที่จัดหาทนายความให้คุณแม่ 2 ราย และยังมีการตกลงในคดีแพ่งต่างๆ แม้กระทั่งการฟ้องร้องคดีใหม่ในความผิดมาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายนั้น คุณแม่ก็ว่าจ้างที่ปรึกษาฯ โดยระบุชัดเจนว่าหากคุณแม่ได้รับเงินเยียวยาจากคดีน้องแตงโมเท่าไร ก็จะแบ่งให้ 30%
ต่อมาวันที่ 21 ก.ย.65 ได้มีการโอนเงิน 2,000,000 บาท จาก ปอ และ โรเบิร์ต โดยเป็นการจ่ายผ่านแคชเชียร์เช็ค 2 ใบ ใบละ 800,000 บาท มอบให้คุณแม่ตอนไปขึ้นศาลจังหวัดนนทบุรี และแม่ต้องจ่าย 600,000 บาทให้ที่ปรึกษาฯตามสัญญา แต่แม่กลับมีการจ่ายเงินสดให้เพียง 400,000 บาท ส่วน 200,000 บาทที่เหลือแม่ขอติดไว้ก่อน
จนกระทั่งผ่านมา 12 เดือน แม่ยังค้างจ่ายอยู่ ซึ่งการไม่สามารถจ่ายเงินได้นั้น ถือว่าผิดตามสัญญาว่าจ้าง และหากจะยกเลิกจะต้องมีเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรจากทางคุณแม่ภายใน 15 วัน ส่วนถ้าที่ปรึกษาฯไม่ได้ทำผิดอะไร แต่คุณแม่จะมาบอกเลิกจ้างก็จะต้องถูกปรับเป็น 2 เท่าของมูลค่าเงินที่คุณแม่ต้องจ่ายให้ ดังนั้นที่เกิดขึ้นไม่ใช่เงินยักยอก แต่เป็นเงินที่ได้จากการว่าจ้างตามวิชาชีพ
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ในกรณีที่แม่ค้างจ่ายที่ปรึกษากฎหมายอีก 200,000 บาทนั้น ในข้อเท็จจริงไม่ว่าแม่จะได้เงินเยียวยามากี่บาท ที่ปรึกษาฯจะต้องได้รับ 30% ซึ่งแม้ในกรณีที่คุณแม่ได้รับเงินจาก 2 ลูกรัก ปอ และ โรเบิร์ต เดือนละ 30,000 บาท ที่ปรึกษาฯจะต้องได้ 30% เช่นเดียวกัน ทำให้ที่ปรึกษาฯจะได้เดือนละ 9,000 บาท เมื่อสรุปยอดรวมแล้ว ทั้งเงินเดือนและของเก่าที่ค้างไว้คุณแม่ติดจ่ายให้ที่ปรึกษาฯอยู่ประมาณ 380,000 บาท ซึ่งได้มีใบเตือนยื่นแจ้งไปแล้ว ส่วนทนาย 2 คน ทางที่ปรึกษากฎหมายจะเป็นผู้ไปดูแลรับผิดชอบเอง
“การมอบเงินตามใบเสร็จไม่ใช่สัญญาทาส แต่เป็นข้อตกลงระหว่างคน 2 คน อีกทั้งที่ปรึกษากฎหมายเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคุณแม่ แต่ไม่ใช่ทนายความของแม่ เวลาดีกันก็จัดการให้หมด พอตอนนี้ผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็เลยแตกกัน” นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเงิน 400,000 บาทในรอบหลังนั้น นายโรเบิร์ตได้โอนให้ที่ปรึกษากฎหมายเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.66 ซึ่งเป็นเงินที่ที่ปรึกษาฯพาเจ้าของนักธุรกิจซื้อขายรถยนต์ไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการซื้อรถยนต์หรูมือสองกับ ปอ และ โรเบิร์ต ทำให้ ปอ และ โรเบิร์ต โอนเงินดังกล่าวให้เป็นรางวัลแก่ที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งเป็นการโอนเงินตรงเข้าบัญชีเจ้าตัว หรือเรียกว่าเป็นค่าคอมมิชชั่นภายหลังการขาย ไม่ใช่เงินโบนัสสำหรับคุณแม่ แต่พอเกิดเหตุแบบนี้คุณแม่กลับมีการโทรศัพท์มาทวงที่ปรึกษาฯทุกเช้าเย็นว่าจะต้องโอน 200,000 บาทให้แม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยตอนนั้นที่ปรึกษากฎหมายติดทำคดีที่จะฟ้องมาตรา 290 แก่คนบนเรือที่เหลืออีก 4 ราย ยกเว้น ปอ และ โรเบิร์ต จึงกลัวว่าจะมีปัญหาขัดแย้งกัน จึงตัดสินใจจ่ายให้แม่ 50,000 บาทก่อน ส่วนอีก 150,000 บาททำเป็นสัญญากู้ยืมเงินระหว่างกันแทน โดยที่ปรึกษากฎหมายยังไม่ได้เซ็นร่างคำฟ้องมาตรา 290
“ดังนั้นหากแม่บอกว่าเป็นเงินโบนัสจาก ปอ และ โรเบิร์ต ทำไมทั้ง 2 คนที่เป็นลูกชายสุดที่รักของแม่จึงไม่โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของแม่โดยตรง แต่กลับโอนเข้าบัญชีธนาคารของที่ปรึกษากฎหมาย ตรงนี้บุคคลที่เป็นผู้โอนเงินให้ที่ปรึกษากฎหมาย คือ ปอ และ โรเบิร์ต จะต้องออกมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าเงิน 400,000 บาทนี้เป็นเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้จากการขายรถหรือเป็นค่าโบนัสให้แม่แตงโม” นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 ที่คุณแม่ไปให้สัมภาษณ์หน้าศาลกับนักข่าวว่าเงิน 200,000 บาทที่ได้รับเป็นเงินปิดปาก ไม่ให้พูดหรืออุทธรณ์เรื่องของ ปอ และ โรเบิร์ต หรือไม่นั้น ตนมองว่าอาจมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ข้อมูลที่ตนมีในมือมีความรอบด้าน แต่เพียงแค่ทั้ง 2 คนก็คือที่ปรึกษากฎหมาย และคุณแม่กล่าวอ้างไม่เหมือนกัน
“คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด คือ ปอ และ โรเบิร์ต ส่วนกรณีที่วานนี้ ปอ บอกว่าเงิน 400,000 เป็นเงินโบนัสให้แม่นั้น ก็ต้องให้เจ้าตัวมาชี้แจงว่าทำไมถึงไม่โอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรงของแม่แทน เพราะปกติปอจะต้องโอนเงินให้แม่อยู่แล้วเดือนละ 30,000 บาท” นาอัจฉริยะ กล่าว
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังโชว์ภาพหลักฐานจดหมายของคุณแม่แตงโมที่เขียนด้วยลายมือ และคลิปเสียงสนทนาความยาวเกือบ 7 นาที เพื่อยืนยันในกรณีที่แม่อ้างว่าไม่รู้เรื่องที่ที่ปรึกษากฎหมายเขียนร่างคำฟ้องมาตรา 290 เตรียมฟ้องแก่คนบนเรือ ว่าจริงๆแล้วแม่มีการตรวจทุกตัวอักษรและรับรู้ ซึ่งจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของแม่ ถูกเขียนไว้เมื่อวันที่ 26 ส.ค.66 ขณะที่คลิปเสียงบทสนทนาระหว่างแม่และที่ปรึกษากฎหมายเป็นการพูดคุยกันเมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 หมายความว่าจดหมายเกิดขึ้นทีหลังคลิปเสียงสนทนา แม่จะอ้างว่าไม่รับรู้ไม่ได้ ยืนยันว่าแม่เป็นคนสั่งการให้ร่างสำนวนฟ้องข้อหาฆาตกรรมและข่มขืน
“การที่ผมออกมาเปิดหน้าเปิดหลักฐานในวันนี้ เพราะว่าเพื่อนของผมได้ไปทุ่มในคดีแตงโม เป็นทั้งคนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้กับทีมที่ปรึกษากฎหมาย ผมจึงไม่อยากให้ใครก็ตามต้องตกเป็นเหยื่อของแม่แตงโมอีกต่อไป” นายอัจฉริยะ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี