ศาลสั่งคุก1เดือน
‘อานนท์’กับพวก
ปรับคนละ2หมื่น
คดีม็อบ3นิ้วป่วน
ศาลอาญาฯสั่งจำคุก “ทนายอานนท์” กับพวก 4 ราย ชุมนุมม็อบ 18 พฤศจิกา ไปราชประสงค์หน้าสตช. ฐานร่วมกันมั่วสุมฯ คนละ 1 เดือน ปรับคนละ 2 หมื่น โทษจำคุกรอลงอาญา “ไผ่” โชคดีศาลยกโทษคุกให้ หลังรอลงอาญาไม่ได้ โดนกระทำผิดซ้ำ ส่วน คดี “แอมมี่-พวก” หมิ่นเบื้องสูง-วางเพลิง ศาลนัดชี้ชะตา 26 มีนาคมนี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2567 ที่ห้องพิจารณาคดี 505 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุงศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีร่วมกันชุมนุม ม็อบ 18 พฤศจิกา ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ อาชีพทนายความ นายภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ จาดนอก นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ ร่วมกันเป็น จำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ ,ร่วมกันชุมนุมใดๆ โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ,พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า24ชั่วโมง,
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะตลอดจนผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯประมวลกฎหมายอาญามาตรา 385 ,ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรโดยวาง หรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทำด้วยประการอื่นใด,พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 19 ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆบนถนน,พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 12 ร่วมกันขูด กระเทาะ ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ บนถนน,ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่,ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน,ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ร่วมกันทําให้เสียทรัพย์ กรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563‘ม็อบการชุมนุม 18 พฤศจิกา ไปราษฎรประสงค์’บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายอานนท์ จำเลยที่1จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพขณะที่จำเลยอื่นที่ได้ประกันตัวเดินทางมาศาล
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่าพวกจำเลยมีความผิด ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ ที่จำเลยอ้างว่าที่มีการปาสีใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะมีการฉีดน้ำสลายการชุมนุมเมื่อ 1 วันก่อน จึงมาชุมนุมปาสีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น
ศาลเห็นว่าที่จำเลยอ้างว่า เป็นการโต้ตอบการกระทำนั้น ฟังไม่ขึ้นย่อมถือว่าเป็นเจตนาของจำเลยเอง การกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นกระทำผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสาม ซึ่งเป็นการมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวาย
พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1,2 และ4 คนละ 1 เดือน ปรับคนละ 20,000 บาท ในส่วนของจำเลยที่ 4 ซึ่งเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้บวกโทษ 1ใน 3 คงจำคุก 1 เดือน 10 วัน และปรับ 26,000 บาทแต่เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะบุกเข้าไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการชุมนุมสาธารณะปราศจากอาวุธ มีการปาสีเพียง 20 นาที ก็ยุติการชุมนุม เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ จึงให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1,2 และ 4 มีกำหนด 2 ปี
ส่วนจำเลยที่ 3 ซึ่งไม่อาจรอการลงโทษได้ เนื่องจากเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดมาก่อน จึงไม่อาจรอการลงโทษได้ เห็นสมควรให้ยกโทษจำคุกเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 55 ส่วนข้อหาอื่น ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคดีดำ อ.1199/2564 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายไชยอมร แก้ววิบูลพันธ์หรือ“แอมมี่” เดอะ บอตทอมบลูส์และนายธนพัฒน์ กาเพ็ง แนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ,วางเพลิงเผาทรัพย์ฯ มาตรา 217และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯมาตรา14(3) จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
กรณีเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 ก.พ.2564 จำเลยกับพวก ได้ร่วมกันวางเพลิง โดยใช้น้ำมันก๊าดราดใส่และจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10ซึ่งได้ประดิษฐานติดตั้งบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ได้รับความเสียหาย นับเป็นการแสดงอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ต่อมาจําเลยได้นําภาพเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์ในบัญชีเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า“The BOTTOM BLUES”ของจําเลยซึ่งเป็นการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตที่เปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นการ นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
โดยวันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 และ นายไชยอมร หรือ“แอมมี่”กับนายธนพัฒน์ จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความและเพื่อนที่ติดตามมาให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด
ต่อมา นายไชยอมรหรือแอมมี่กับนายธนพัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ศาลอาญาอ่านคำสั่งว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของเราขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 26 มีนาคม2567นี้เวลา 09.00 น. โดยได้ปรึกษากับนักกฎหมาย คดีนี้ตนคิดว่า เป็นคดีความทางการเมืองจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เราทั้งสองคนก็พร้อมที่จะมาฟังคำพิพากษาในวันนี้ 26 มีนาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี