‘บิ๊กโจ๊ก’สอบปากคำ‘ลุงเปี๊ยก’ ชี้ตัวแล้วคนคลุมถุงดำบีบเป็นแพะฆ่า‘ป้าบัวผัน’
18 มกราคม 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปยังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ปทุมธานี ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อร่วมประชุมกับ น.ส.สุชาดา หมื่นกล้า รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ , นายศราวุธ มูลโพธิ์ ผอ.กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต , นางอนงค์นาฏ เมธีกุล ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สระแก้ว , นายราเชนทร์ ปัญญาธนคุณ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนจังหวัดสระแก้ว เพื่อสอบปากคำนายปัญญา อายุ 56 ปี หรือ “ลุงเปี๊ยก” สามีนางบัวผัน อายุ 47 ปี หรือ “ป้ากบ” ที่ถูกกลุ่มเยาวชนทำร้ายจนเสียชีวิต และต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับกุมนายปัญญา มาสอบสวน และมีคลิปเสียงออกมาว่ามีการคลุมถุงดำ ถอดเสื้อนั่งตากแอร์ และการล่ามโซ่ บังคับให้รับเป็นผู้ก่อเหตุ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากที่พบศพป้าบัวผัน วันศุกร์ที่ 12 ม.ค.67 ที่ผ่านมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนที่เกิดเหตุ และพบว่า ลุงเปี๊ยก มีคราบเลือดที่ขากางเกง ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ ประกอบกับมีชาวบ้านบอกว่าต้องเป็น ลุงเปี๊ยก แน่นอนที่ฆ่า ป้าบัวผัน เพราะเป็นคนใกล้ชิดกับ ป้าบัวผัน และอยู่กับป้าบัวผันตลอด และซ้อมทุบตีตลอด ชาวบ้านเห็นว่าพฤติกรรมที่ ป้าบัวผัน ถูกฆ่าเหี้ยมโหดมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งสมมติฐานว่าต้องเป็น ลุงเปี๊ยก แน่ จึงนำตัว ลุงเปี๊ยก ไปสอบสวน ต่อมาช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบภาพในกล้องวงจรปิดรู้แล้วว่าคนก่อเหตุไม่ใช่ ลุงเปี๊ยก แต่เป็นวัยรุ่น 5 คน จึงจับกุมวัยรุ่น 4 คน และ 1 ใน 4 เป็นลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. ส่วนอีก 1 คนไปเที่ยวกับครอบครัวที่ปากช่อง และเป็นลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรองสารวัตรธุรการของ สภ.อรัญประเทศ
ต่อมาพ่อของเยาวชนคนที่ 5 เห็นใน LINE ของโรงพักว่ามีการคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเยาวชนไปฆ่าป้าบัวผัน แล้วโทรศัพท์มาสอบถามกับทางโรงพักว่า 1 ใน 5 คนนั้น มีลูกของตนเองด้วยหรือไม่ ทางโรงพักก็บอกว่ามีด้วย แล้วก็ได้ขอติดต่อเพื่อนำลูกมามอบตัว ทาง ผกก.สภ.อรัญประเทศ จึงทำเรื่องขอให้ศาลปล่อยตัว ลุงเปี๊ยก
จากนั้นทาง ผกก. , รอง ผกก. รวมทั้งนายอำเภออรัญประเทศ ได้พาตัว ลุงเปี๊ยก ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก เมื่อสอบปากคำเสร็จก็คุยกันว่าจะพาตัวลงไปไว้ที่ไหนดี เพื่อที่จะไม่ให้มานอนที่องค์พระอีกแล้ว จึงเอาตัว ลุงเปี๊ยก ไปไว้บ้านพี่สะใภ้ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ซึ่งตนได้นำตำรวจสืบสวนจากส่วนกลางลงไป เพราะประชาชนและสื่อมวลชนไม่มีความเชื่อมั่นตำรวจในพื้นที่
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เยาวชนที่เป็นลูกตำรวจของ สภ.อรัญประเทศ ได้โทรศัพท์หาพ่อเวลาตี 1 แต่การลงมือฆ่า ป้าบัวผัน เกิดขึ้นเวลาประมาณ 02.00 น. จากนั้นไม่ได้ติดต่อถามผู้เป็นพ่ออีกเลย และทาง ลุงเปี๊ยก ไปพักที่บ้านพี่สะใภ้ ตนได้สอบถามไปทางพี่สะใภ้แล้วว่ามีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาหรือไม่ ทางพี่สะใภ้ก็บอกว่าไม่มี ส่วนประเด็นที่บอกว่าตำรวจเอาลงไปเก็บไว้ที่เซฟเฮ้าส์นั้นไม่มี และเป็นการช่วยลูกตำรวจหรือไม่นั้น ก็ไม่มีเช่นกัน
“ต่อมามีนักข่าวส่งคลิปเสียงมาให้ผม จึงรู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ในคลิปเสียงนั้นมีเสียงของ ลุงเปี๊ยก และเป็นเสียงของ รองผกก. ท่านหนึ่ง ถ้าเป็นเสียงของ ลุงเปี๊ยก คนเดียว ผมก็อาจจะไม่เชื่อ เพราะ ลุงเปี๊ยก มีอาการติดแอลกอฮอล์ แต่เสียงของรอง ผกก. รับเลยรับว่าทำจริง ว่ามีการคลุมถุงดำจริง เปิดแอร์ถอดเสื้อจริง และล่ามโซ่จริง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนสอบถามไปว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร เพื่อที่จะให้ ลุงเปี๊ยก รับสารภาพหรือไม่ ต้องบอกก่อนว่าเมื่อพบศพผู้เสียชีวิตอย่างแรกเลย คือ ตำรวจต้องค้นหาคนร้ายด้วยการไล่กล้องติดตามคนร้าย ซึ่งการไล่กล้องนั้นต้องดูกันเป็นนาที เพราะไม่ใช่ระบบ AI ขณะนี้ตนได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบดูว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง ในการจะดำเนินคดีกับตำรวจนั้น ต้องมีการสอบสวน ลุงเปี๊ยก ซึ่งขณะนี้เป็นผู้เสียหาย เพราะถูกกระทำ ได้นำเรียน ผบ.ตร.แล้วทาง ผบ.ตร.บอกว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ ใครทำอะไร และใครเข้าข่ายผิดมาตรา 157 ก็ให้ดำเนินคดีไปตามระเบียบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า คณะทำงานได้นำรูปถ่ายปัจจุบันของตำรวจ สภ.อรัญประเทศทุกนายให้ ลุงเปี๊ยก ชี้ตัว ลุงเปี๊ยกยืนยันตัวตำรวจขาขาด 1 นาย ยศชั้นประทวนซึ่งเป็นหนึ่งในชุดสืบสวนที่บังคับให้ลุงเปี๊ยกถอดเสื้อในห้องแอร์ ให้หนาวเย็น เอาถุงคลุมศีรษะ และควบคุมตัวโดยมิชอบนานถึง 9 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพว่าฆ่าป้าบัวผัน ด้วยความทรมานและเหนื่อยล้า ลุงเปี๊ยกจึงยอมรับสารภาพ ก่อนถูกบังคับไปทำแผนยังจุดเกิดเหตุ แต่ไม่มีการล่ามโซ่ ดังนั้นวันนี้จึงมีตำรวจที่กระทำผิด 1 นายก่อน เพราะ ลุงเปี๊ยก ยืนยันว่าในห้องขณะถูกทรมานมีตำรวจนายนี้นายเดียว ซึ่งจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ส่วนความผิดทางวินัยมีโทษถึงขั้นให้ออก ส่วนจะมีตำรวจนายอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ ได้ให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 สั่งการให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีตำรวจนายอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ เพราะจากคลิปเสียงของรอง ผกก.นายหนึ่ง ยืนยันว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องตรวจสอบว่ารอง ผกก.นายนี้ รู้ขณะทำการทรมานลุงเปี๊ยกหรือไม่ ซึ่งจะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด แต่หากรู้ภายหลังทรมาน ลุงเปี๊ยก แล้ว แต่ไม่ดำเนินการลงโทษตำรวจที่ก่อเหตุ ก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงจะต้องขยายสอบปากคำชุดสืบสวนทั้งหมดด้วย
“เบื้องต้น ลุงเปี๊ยก บอกว่า สารวัตรและรองผกก.ไม่ได้อยู่ในห้องที่ถูกทรมาน และทั้ง 2 คนก็พูดจากับ ลุงเปี๊ยก เป็นอย่างดี ไม่ติดใจ ส่วนที่เหลืออีก 1 คนเพียงสับเปลี่ยนเวรและเฝ้าด้านนอกเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วม หลังจากสอบปากคำเสร็จแล้ว ลุงเปี๊ยกก็มีความสบายใจขึ้นและไม่กลัวตำรวจแล้ว และไม่จำเป็นต้องพาตัว ลุงเปี๊ยกไปชี้ตัวตำรวจที่ สภ.อรัญประเทศแล้ว” รอง ผบ.ตร. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี