สตม.จับเครือข่าย

ขนชาวบังกลาเทศ

ส่งทำงานมาเลเซีย

มีเงินหมุน117ล้าน

สตม.รวบเครือข่าย“อัสราฟ”ลักลอบขนแรงงานเถื่อนชาวบังคลาเทศ เดินทางไปทำงานยังประเทศที่ 3 เรียกเก็บค่าหัวรายละ1-1.5 แสนบาท พบมีเงินหมุนเวียนในขบวนการดังกล่าวกว่า117ล้านบาท

เมื่อวันที่ 18มกราคม พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมคณะ แถลงจับกุม นายอัสราฟ อายุ 46 ปี และนายอะบู อายุ 47 ปี สัญชาติบังคลาเทศ ตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ข้อหาร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่ริมถนนปากน้ำ อ.เมืองจ.ปัตตานี โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลการจับกุมขบวนการขนชาวบังกลาเทศเครือข่าย “อัสราฟ” ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม2566 ทางชุดสืบสวน ตม.สงขลา , ตม.ปัตตานี , ตม.นราธิวาส และ กก.สส.บก.ตม.6 ได้เข้าจับกุมบุคคลต่างด้าว สัญชาติบังคลาเทศ ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวม 41 คน จาก 5 คดี ซึ่งเหตุเกิดต่างพื้นที่กัน จากนั้นได้ขยายผลไปยังผู้ที่ให้การช่วยเหลือ 10 คน เป็นคนไทย 8 คน ชาวบังคลาเทศ 1 คน และชาวปากีสถาน 1 คน

จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้งหมดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ต่อมาจึงมีการเคลื่อนย้ายโดยนั่งรถประจำทางมายัง กทม.ก่อนที่นายอะบู ลูกน้องนายอัสราฟจะทำหน้าที่จัดหายานพาหนะ ไปส่งให้กลุ่มคนไทยที่รอรับช่วงต่อในพื้นที่จ.สงขลานำพาบุคคลต่างด้าวดังกล่าว ออกไปทางช่องทางธรรมชาติบริเวณจ.นราธิวาส เพื่อลักลอบไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 1 ปี ในการรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งทราบว่า นายอัสราฟ ประกอบอาชีพนักธุรกิจบริษัทนำเข้า–ส่งออกสินค้าจากต่างประเทศ แต่เบื้องหลังได้ทำหน้าที่ติดต่อหาบุคคลต่างด้าวกับนายหน้าชาวบังคลาเทศ และกัมพูชา เพื่ออำนวยความสะดวกส่งคนเดินทางไปทำงาน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน มีการเรียกเก็บค่าหัวรายละ100,000-150,000 บาท ซึ่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 117 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมนายอัสราฟและนายอะบู ไว้ได้ในที่สุด โดยควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนมีด รับไว้ดำเนินคดี