ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน เร่งเยียวยาเหยื่อโรงงานพลุบึ้มที่สุพรรณบุรี โร่เก็บร่าง-ชิ้นส่วนศพ ตั้งศูนย์อำนวยการฯ ยธ.เยียวยาศพละ 2 แสน ด้าน “วราวุธ” ประสานทุกภาคส่วนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ 18มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุโรงงานดอกไม้เพลิงระเบิด ในพื้นที่หมู่ 3ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แรงระเบิดรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 ราย ว่ากำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทยอยกันเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต รวมทั้งเก็บชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ออกมา โดยเคลื่อนย้ายไปยังวัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการฯ ขึ้นมา พร้อมกับให้หน่วยงานต่างๆ ประสานการทำงานร่วมกัน
อย่างไรก็ดี ในส่วนของแรงระเบิดในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้เศษชิ้นเนื้อจากร่างผู้เสียชีวิตกระเด็นไปไกล โดยกระจายอยู่ตามทุ่งนา เจ้าหน้าที่ต้องเดินเรียงหน้ากระดานกันเพื่อตามเก็บชิ้นส่วนร่างผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวต่างมารอการพิสูจน์อัตลักษณ์และดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อนำร่งไปบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งบางรายเปิดใจว่า แม้รู้ว่าเป็นงานที่อันตราย แต่ญาติที่เสียชีวิตไปนั้นก็จำเป็นต้องทำเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว
ขณะที่หน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต่างลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต รวมทั้งมีการกันพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีสารเคมี ฟอสฟอรัสหรือกำมะถัน อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ทางพม.ได้ตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความจำนงประมาณ 23ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อน
นายสุริยา วัชระพิมลมิตร อายุ 56ปี สามีเจ้าของโรงงานที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เพราะไปเติมน้ำมันอยู่ แล้วมีน้องโทรศัพท์ไปบอกว่าโรงงานพลุระเบิด ซึ่งภรรยาและลูกชายก็กำลังผลิตพลุอยู่ด้วย โดยกำลังผลิตไปส่งในงานศพวันเดียวกันนี้ ซึ่งโรงงานมีพลุ 80 ลูก ของที่จะส่งมีประมาณ 5-6 ลัง ส่วนการทำงานจะทำกันวันต่อวัน โดยคนงานจะทำงานแบบรับเหมาว่าจ้าง ไม่รู้ว่าใครจะมาทำงานบ้าง ขณะนี้พูดอะไรไม่ออก ตอนที่กลับมาเห็นสภาพที่เกิดเหตุแล้วทำอะไรไม่ถูก หลังจากนี้คงเลิกกิจการเพราะภรรยาก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ตนยังมีลูก 3 คน ที่ต้องดูแล
ด้าน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างรัดกุม นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด และนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ตรวจดีเอ็นเอ พร้อมนำทีมพนักงานสอบสวนสอบปากคำญาติผู้เสียหาย และสามีเจ้าของโรงงาน ส่วนสาเหตุการเกิดเหตุในครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากนางแสงเดือน ปานจันทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานที่ยื่นขออนุญาตฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายและคนงานก็เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต(Mental health Crisis Assessment and Treatment Team : MCATT) ประสานหน่วยงานพื้นที่เขตสุขภาพที่ 5 ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุที่เกิดขึ้น โดยสนับสนุนทีมงานจากสาธารณสุข จ.สุพรรณบุรี เข้าเยียวยาสภาพจิตใจ ประเมินสถานการณ์และวางแผนดูแลทางสุขสภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ตามมาตรฐานการเยียวยาเพื่อเฝ้าระวังภาวะเครียดฉับพลัน (Acute Stress Disorder: ASD) ภาวะซึมเศร้า (Depression) และติดตามต่อเนื่องผ่านระบบฐานข้อมูล Crisis Mental health surveillance System : CMS) เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดูแลเยียวยาจิตใจตามมาตรฐาน
ส่วน นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าได้ประสานสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการลงปฏิบัติหน้าที่ โดยให้รายงานการติดตามผลการเยียวยาจิตใจในระยะ 1 สัปดาห์แรกอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้พบว่าผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในภาวะเครียดจากการเผชิญเหตุรุนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะตื่นตระหนก วิตกกังวล หวาดกลัว และภาวะซึมเศร้า ซึ่งต้องเฝ้าระวังในระยะต่อไป
อีกด้านหนึ่ง นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเยียวยาเหยื่อจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสานกับสำนักงานยุติธรรม จ.สุพรรณบุรี เพื่อแจ้งสิทธิ และรับคำขอสรุปสำนวนเสนออนุกรรมการจังหวัด วันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อเร่งเยียวยาครอบครัวเหยื่อ อ้างอิงการจ่ายชดเชย เช่นเดียวกับเหตุการณ์พลุระเบิดที่ตลาดในพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยเบื้องต้นเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิต การช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากการกระทำผิดทางอาญาของผู้อื่นฯ ถือเป็นผู้เสียหายตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯ มีสิทธิได้รับการเยียวยาจากกรณีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญสาธารณชนให้ความสนใจ
สำหรับผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 200,000 บาท แบ่งเป็นค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย 100,000บาท ค่าจัดการศพ 20,000บาท ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000บาทและค่าเสียหายอื่น 40,000บาท ส่วนผู้บาดเจ็บจะได้รับการเยียวยา เป็นค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000บาท ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจไม่เกิน 20,000 บาท ค่าขาดประโยชน์ทำมาหากินได้ตามค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่เกิดเหตุไม่เกิน 1 ปี โดยจังหวัดสุพรรณบุรีมีค่าจ้างขั้นต่ำ 348 บาท ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นไม่เกิน 50,000 บาท ตามความร้ายแรงและพฤติการณ์ ขึ้นอยู่กับการสรุปความเห็นเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนและการพิจารณาของ อนุกรรมการฯประจำจังหวัดสุพรรณบุรี
ด้านนายวราวุธศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยสั่งการให้ตั้งวอร์รูม ระดมสรรพกำลังทุกหน่วยงานในสังกัด เข้าเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
นายวราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ ได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประสานงานทุกหน่วยงาน เข้าไปสนับสนุนดูแลพี่น้องประชาชนทุกรายที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งประสานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สุพรรณบุรี ให้ลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวเองในฐานะรองประธานมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปะอาชา ทราบว่ามีเด็กๆ ที่สูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ก็จะเข้าไปช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการศึกษาของเด็กที่สูญเสียทุกราย
“ผมต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชน เพราะขณะนี้ผมได้ขอลากิจ ซึ่งเตรียมการล่วงหน้าไว้หลายเดือนแล้ว แต่ถึงอย่างไรการทำงานยังเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ได้ขอให้ทุกหน่วยงานของ พม.ในจังหวัดสุพรรณบุรี สส.พรรคชาติไทยพัฒนาทุกคน และทีมงานลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชน เราจะดูแลทุกคนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และจะเยียวยาทางด้านจิตใจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้” นายวราวุธ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี