วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผบช.ภ.2ฟันวินัย2ตร.อรัญฯ
บีบลุงเปี๊ยกสารภาพฆ่าป้ากบ
“ผบช.ภ.2” แถลงข่าวกรณี“ลุงเปี๊ยก” ถูกบังคับขู่เข็ญให้รับสารภาพคดีฆาตกรรม “ป้าบัวผัน” พบข้อเท็จจริง มีตำรวจ สภ.อรัญประเทศ 2 นายเข้าข่ายกระทำความผิดวินัย หนึ่งในนั้นเข้าข่ายผิด ม.157พร้อมสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหายหรือกฎหมายอื่นใด ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 20 มกราคม 2567 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ได้เดินทางมาถึง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว โดยมี พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ให้การต้อนรับ จากนั้น พล.ต.ท.สมประสงค์ ได้เปิดแถลงข่าวที่ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว โดยแถลงว่า ตามที่ ตำรวจภูธรภาค 2 มีคำสั่งที่ 14/2567 ลงวันที่ 17 ม.ค.67 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีคลิปเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ มีการบังคับขู่เข็ญให้นายปัญญา คงแสนคำ หรือลุงเปี๊ยก รับสารภาพในคดีฆาตกรรมนางสาวบัวผัน ตันสุ หรือป้าบัวผัน โดยมี พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน นั้น
บัดนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว พบว่า มีข้าราชการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ จำนวน 2 นาย เข้าข่ายกระทำความผิดวินัยตำรวจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และมีเพียง 1 นาย กระทำผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคล สูญหาย พ.ศ.2565 พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่ตำรวจภูธรภาค 2 ก็จะส่งสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้พนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว สืบสวนสอบสวน รวบรวบพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่ามีการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ กฎหมายอื่นใด จะได้กล่าวโทษดำเนินคดีกับตำรวจผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
“ตำรวจภูธรภาค 2 ขอเรียนว่า ในคดีดังกล่าวจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและขอให้ ประชาชนโปรดมั่นใจในการปฏิบัติงานของตำรวจภูธรภาค 2 ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน” พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่ ถูกดำเนินคดี ประกอบด้วย นายดาบตำรวจภิเศก พวงมาลีประดับ ผบ.หมู่(สส) สภ.อรัญประเทศฯ ถูกดำเนินคดีข้อหา กระทำผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวมาสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาอีกที ส่วนอีกรายคือ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศฯ จะถูกดำเนินคดี เข้าข่ายกระทำความผิดวินัยตำรวจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าที่โครงการศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.น้ำแพร่ อ.หางดง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน ว่า วันนี้ไม่ได้ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่คณะสืบสวนข้อเท็จจริงคดีนี้ จะคลี่คลายทุกอย่างให้จบภายในวันเดียวกันนี้ ยืนยันว่าตำรวจไม่มีการช่วยอยู่แล้ว และได้สั่งการไปว่าคดีทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา เพราะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือแม้แต่ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ เป็นตัวบังคับ ซึ่งตำรวจก็ถูกตรวจเช็คแบบรอบด้าน และเทคนิคนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดจะเป็นตัวชี้วัดว่า ตำรวจผิดไม่ผิด หากผิดก็ว่าไปตามผิด
ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในเบื้องต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็เห็นด้วยที่ ผบ.ตร. ลงพื้นที่ไปเอง และทุกอย่างจะจบหมด ยืนยันไม่มีเรื่องอิทธิพล ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา วันนี้น่าจะจบในเรื่องของตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่าจับแพะ ส่วนคดีที่ตำรวจไปสืบสวนมาต่อ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินคดีทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ที่มีข้อเสนอจะให้แก้กฎหมายเพื่อลดโทษให้กับเยาวชนที่กระทำความผิด ให้มีจำนวนอายุที่น้อยลง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้นำเสนอไป แต่ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นำฝ่ายกฎหมาย และคดี มาดูในข้อกฎหมายว่ามีสนธิสัญญาเกี่ยวกับสิทธิ์เกี่ยวกับสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยไปทำไว้กับสหประชาชาติว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ และต้องดูข้อศึกษาของประเทศญี่ปุ่น และประเทศเยอรมนี เขาทำได้อย่างไร ซึ่งต้องนำไปเปรียบเทียบกัน ตอนนี้ทีมงานทั้งหมด จะสรุปมาให้ตนเองภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรี และให้กระทรวงยุติธรรม ได้สานต่อจากหลายหน่วยงาน
สระแก้ว-ชาวบ้านแห่ร่วมอาลัยพิธีเผาศพป้าบัวผันหรือป้ากบ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่วัดป่าหนองน้ำใส ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้มีการจัดพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศกของญาติๆโดยมีผู้มาร่วมฌาปนกิจส่งศพป้ากบกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการตำรวจ และชาวบ้านละแวกใกล้เคียง มีนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เดินทางมาเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล โดยมีนายจักรพงษ์ พันธ์โชติ นายอำเภออรัญประเทศ, พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว รรท.ผกก.สภ.อรัญประเทศ ฯเดินทางมาร่วมทอดผ้าบังสุกุลในพิธีฌาปนกิจศพป้าบัวผัน โดยมีข้าราชการตำรวจ จนท.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สระแก้ว ข้าราชการฝ่ายปกครอง , อบต.หนองน้ำใสฯและเจ้าหน้าที่กู้ภัยอรัญประเทศ เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย โดยมีนางรำประจำหน้าพระสยามเทวาธาราช ซึ่งเคยเจอและเห็นป้าบัวผันอยู่ที่บริเวณหน้าศาลพระสยามเทวาธราช เป็นประจำ มาแสดงรำเพื่อดวงส่งวิญญาณของป้าบัวผันเป็นครั้งสุดท้ายที่งานศพด้วย
น.ส.ปาง มาลใสกุล อายุ55ปี พี่สาวป้าบัวผัน ซึ่งนั่งรับแขกน้ำตาซึมตลอดเวลาบางครั้งก็ร้องไห้ออกมา ญาติๆ ต้องเข้าไปปลอบ และหลังจาก พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว รรท.ผกก.สภ.อรัญประเทศ ขึ้นทอดผ้าบังสุกุลแล้วได้เดินมาหาป้าปาง โดยได้กล่าวขอแสดงความเสียใจและยืนยันกับป้าปางว่าจะดำเนินการติดตามคดีนี้ให้อย่างดีที่สุดขอให้ป้าปางสบายใจได้ ตำรวจจะไม่ปกป้องคนผิดแน่นอน
จากนั้น เวลา 15.00 น.ได้เริ่มพิธีฌาปนกิจศพป้าบัวผัน โดยมีประชาชนมาร่วมวางดอกไม้ไฟหน้าหีบศพกันเป็นจำนวนมาก โดยป้าปางได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน ประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีน้ำใจมาร่วมงานศพป้าบัวผันในวันนี้เป็นอย่างมากด้วย โดยไม่พูดถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง 5 เยาวชนที่ก่อเหตุฆ่าป้าบัวผันแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี