เปิดปฏิบัติการระทึก!!! บุกจับใหญ่ทลาย 4 นายทุนใหญ่จำนำรถยนต์รายใหญ่ในพื้นที่จ.อุดรธานี พร้อมกัน 4 จุด อึ้งพบรถยนต์ทุกชนิดทุกยี่ห้อ ยึดรถยนต์ 33 คัน รถจักรยานยนต์ 11 คัน มูลค่ากว่า 23 ล้านบาทเศษ แฉดอกเบี้ยสุดโหดมีตั้งแต่ 240 ต่อปี 180 ต่อปี 150 ต่อปี
วันนี้ (24 ม.ค.67) ที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร ผบก.ตร.ภูธร จ.อุดรธานี,พ.อ.ธนาวีร์ วิชาชัย รอง ผอ.กอ.รมน.จ.อุดรธานี,ว่าที่ร้อยตรีรักชัย เลิศสุบิน ปลัดจังหวัดอุดรธานี,นายวิมล สุรเสน นายอำเภอเมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการ “ไล่ล่านายทุนเถื่อน” 4 เครือข่าย ได้ผู้ต้องหา 4 คน ตรวจยึดรถยนต์ 33 คัน จักรยานยนต์ 11 คัน รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 23,220,000 ล้านบาท
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพี่น้องประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยฝ่ายปกครองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและดำเนินงานปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง
โดยวันนี้ จังหวัดอุดรธานี ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุดรธานี จึงสนธิกำลังและบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการภายใต้ยุทธาการ "ไล่ล่านายทุนเถื่อน" ครั้งที่ 1 ปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง จนนำมาซึ่งการปิดล้อมตรวจค้น ยึด อายัดทรัพย์สิน ของกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ตามเรื่องร้องเรียนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ได้ 4 เครือข่าย
พล.ต.ต.สรรธาน อินทรจักร์ ผบก.ตร.ภูธร จ.อุดรธานี กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้ ระดมกวาดล้าง จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนด กลุ่มเจ้าหน้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรง ในการทวงหนี้ และการรับจำนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์โดยผิดกฎหมาย โดยให้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ดำเนินการภายใต้ยุทธการ “ไล่ล่านายทุนเถื่อน”ตรวจค้น ยึด อายัดทรัพย์สินกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ และเพื่อค้นหาหลักฐาน ตามเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ จ.อุดรธานี จับกุมเครือข่ายกลุ่มเงินกู้นอกระบบ (รับจำนำรถยนต์) ผู้ต้องหา 4 ราย ตรวจยึดรถยนต์ 33 คัน มูลค่า 23,000,000 บาท ยึดรถจักรยานยนต์ 11 คัน มูลค่า 220,000 บาท ดำเนินคดีข้อหา “ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด”
“ฝากไปยังนายทุนที่เรียกดอกเบี้ยเกิน เอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน อัตราโทษค่อนข้างสูง แยกเป็นต่างกรรม ต่างวาระ ถ้าให้มีการกู้ยืมอยากให้ปรับตามโครงสร้างที่กฎหมายกำหนดไว้ อยากฝากเตือนประชาชน ในการรับจำนำรถในกรณีที่ไม่ชำระเงิน ไม่ชำระดอกเบี้ย ก็จะถูกข่มขู่ กดดันด้วยวิธีการต่างๆ สุดท้ายจะเข้าขบวนการนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน หรือนายทุนอื่นๆ ส่งผลให้ถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์ หรือไฟแนนซ์ฟ้อง จึงไม่อยากให้มีขบวนการเช่นนี้เกิดขึ้น หากมีการกู้ยืมก็อยากให้เข้าสู่ระบบตามกฎหมาย” โอกาสนี้ตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย และโชคดีได้รับรถคืนจากการเปิดปฏิบัติการไล่ล่านายทุนเถื่อน ได้เดินทางมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกส่วนที่ดูแลพี่น้องประชาชน พร้อมมอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีด้วย
ด้าน พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ รองผู้กำกับการสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่ากลุ่มนายทุนใช้รูปแบบในการปล่อยเงินกู้ในหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการจำนำรถเป็นทรัพย์ไปค้ำประกัน กองกำกับการสืบสวน ร่วมกับ สภ.เมืองอุดรธานี ทราบว่ามีกลุ่มนายทุนหลายกลุ่ม มีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ รับจำนำ ในการเข้าปฏิบัติการตรวจยึดรถยนต์ 33 คัน รถจักรยานยนต์ 11 คัน มูลค่า 23 ล้านบาท วงเงินกู้อยู่ที่ 22 ล้านบาท เรียกอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ 240 ต่อปี 180 ต่อปี 150 ต่อปี ซึ่งจะเป็นความผิดฐาน “ให้กู้ยืมเงิน เรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด” อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี