ก.ค.ศ.ไฟเขียว!!! ปรับปฏิทินย้ายครู มีผล 1 เม.ย. เปิดช่อง รร.หาครูทดแทนได้ทันเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัด ศธ.ทั้งนี้ ตามที่ ก.ค.ศ.มีมติเห็นชอบหลักการและกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ.เป็นผู้จัดทำระบบการย้ายทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ก.ค.ศ.ได้ดำเนินการพัฒนาหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว เพื่อให้การย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม ร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อรองรับการดำเนินการย้ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ Teacher Rotation System หรือ TRS โดยการย้ายทุกกรณีต้องยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบ TRS เท่านั้น สถานศึกษาที่รับย้ายต้องมีอัตรากำลังสายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ.กำหนด และเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงื่อนไขในการใช้ตำแหน่ง
"นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับปฏิทินการย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเดิมที่ให้การย้ายมีผลวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นให้การย้ายมีผลวันที่ 1 เมษายน เพื่อแก้ปัญหา บางโรงเรียนเมื่อครูย้ายแล้ว ไม่สามารถบรรจุครูใหม่มาทดแทนได้ทัน ดังนั้น จึงปรับปฏิทิน เป็นวันที่ 1 เมษายน เพื่อให้มีอัตราว่างและโรงเรียนสามารถหาครูมาบรรจุทดแทนได้ทันเปิดเทอมวันที่ 16 พฤษภาคม พร้อมสำหรับการเรียนการสอน แต่ก็ให้เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจบรรจุแต่งตั้งในการชะลอการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานศึกษาใหม่ หากครูมีภาระงานอยู่ก็ให้ดำเนินการให้เรียบร้อย ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ" รมว.ศธ.กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 การย้ายกรณีปกติ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เพื่อกลับภูมิลำเนา หรือเพื่อดูแล บิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือเพื่ออยู่รวมกับคู่สมรส หรือการย้ายสับเปลี่ยน หรือการย้ายด้วยเหตุผลอื่น กรณีที่ 2 การย้ายกรณีพิเศษ คือ การย้ายตามคำร้องขอย้าย เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือถูกคุกคามต่อชีวิต หรือเพื่อดูแลบิดา มารดา ผู้อุปการะเลี้ยงดู คู่สมรส บุตร ซึ่งเจ็บป่วยร้ายแรง หรือทุพพลภาพ หรือเพื่อติดตามคู่สมรส และกรณีที่ 3 การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ คือ การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา หรือการย้ายเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือการย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา ทั้งนี้ การดำเนินการย้ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายการศึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น โดยให้ครูโยกย้ายกลับภูมิลำเนาด้วยความโปร่งใส ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ การกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 16/2557 และ ว 17/2557 สำหรับสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เพื่อให้สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) สามารถคัดเลือกผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลนักเรียนที่มีคุณลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการจำเป็นพิเศษของสถานศึกษา อนุมัติให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เดิม) ไปพลาง เพื่อบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2566 เข้ารับราชการเป็นครูผู้ช่วย จำนวน 5 อัตรา โดยอัตราดังกล่าว รวมอยู่ในจำนวน 4,598 อัตรา ตามมติ ก.ค.ศ.ครั้งที่ผ่านมา เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับเงินประจำตำแหน่งของตำแหน่งบุคลากร ทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ และเห็นชอบร่างการจัดกลุ่มตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี