วันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านหมู่ 4 ต.ห้วยใหญ่ ว่าพบสิงโตตัวใหญ่สองตัว หลุดออกมาเดินเพ่นพ่าน บนถนนซอยเขามะกอก 13 สร้างความแตกตื่น ขวัญผวาให้กับชาวบ้านใน ละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ก่อนจะมีคนดูแลมาจุงเข้าบ้านไป เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบบ้าน แห่งหนึ่งอ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีสิงโต 2 ตัว เป็นเพศผู้และเพศเมีย และสุนัขพันธุ์พันธุ์ล็อคไวไวเลอร์ 2 ตัว เลี้ยงอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกัน
สอบถามนางสาวสกาย อายุ 28 ปี ทราบว่าตนเองได้นำสิงโตทั้งสองตัวนั้นมาเลี้ยงตั้งแต่อายุประมาณ 45 วัน โดยเพศผู้ชื่ออาสัว เพศเมียชื่อหลินๆ จนทั้งคู่อายุได้ประมาณ 10 เดือน โดยตนเองจะเลี้ยงรวมไว้กับสุนัข โดย นำเอกสารรับมอบสิงโตทั้งสองตัว จากฟาร์ม กระป้องสีไลอ้อนซู แต่ตอนแรก เลี้ยงอยู่ที่สัตหีบ ก่อนจะย้ายมาเลี้ยงอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณหกเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่สิงโตหลุดนั้น เกิดจาก ประตูรั้วซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ เกิดเปิดเองทำให้สิงโตหลุดออกไปด้านนอก ผู้ดูแลจึงรีบนำกลับเข้าบ้านก่อนจะใช้เอสโซ่ล็อคที่ประตูไว้ เพื่อป้องกันประตูอัตโนมัติอัตโนมัติเปิดเอง ส่วนลักษณะนิสัยของสิงโตนั้น สำหรับตนเองที่เป็นผู้เลี้ยง เจ้าสิงโต ก็จะไม่มีท่าทีดุร้ายใส่ ส่วนกับคนอื่นนั้นก็สามารถจับตัวได้ แต่ต้องเฉพาะตอนตนเองอยู่เท่านั้น ในขณะที่เคยพูดคุยกับชาวบ้านแล้วบางคนก็ชอบ แต่บางคนก็กลัว
ด้านชาวบ้าน ในวันที่เห็นสิงโตหลุดออกมานั้น เป็นช่วงเทศกาลวันปีใหม่ ก็รู้สึกตกใจกลัวพากัน อุ้มเด็กกลับเข้าบ้าน บางวันก็จะเห็นเจ้าของซื้อโครงไก่ มาให้สิงโตถุงใหญ่ ในขณะที่ชาวบ้านบางคนเล่าว่าสังเกตุเห็นเจ้าของบ้านมักมักจะเล่นกับสิงโตเป็นประจำ ก็ไม่ได้ความดุร้ายอะไร แต่กับคนอื่นนั้นคิดว่าอาจจะเป็นอันตรายได้ เพราะสิงโตอาจจะผิดกลิ่น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวมีทั้งเด็กและคนแก่อาศัยอยู่จำนวนมาก
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. ห้วยใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบเจ้าของบ้านหยอกล้อเล่น กับสิงโตราวกับเล่นกับสุนัข โดยไม่มีท่าทีดุร้ายอะไร ในขณะที่ขอดูเอกสารนั้นเจ้าของสิงโตได้นำใบรับมอบมาแสดง พร้อมทั้งแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ากำลังจะขายคืนฟาร์มในวันสองวันนี้ ส่วนในด้านของความผิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ล่าสุด นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา ) , พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.พรทรัพย์ สุพร สวป.สภ.ห้วยใหญ่ , พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี. ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกันสนธิกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง
โดยบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว มีเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา บริเวณหน้าประตูรั้วบ้าน มีรถเก๋งหรูจอดอยู่ 1 คัน มีผ้าคลุมรถไว้อย่างมิดชิด ภายในบ้าน พบสิงโต 2 ตัว และ สุนัขล็อตไวเลอร์ 2 ตัว โดย นางสาวสกาย อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านยังคงยืนยันว่าได้ ซื้อสิงโตมาจาก ฟาร์มในพื้นที่ จ.นครปฐม ในราคาตัวละ 500,000 บาท โดยช่วงที่ซื้อมา ทางฟาร์มเป็นผู้นำมาส่งให้ถึงที่บ้านตอนนั้นสิงโตมีอายุได้เพียง 45 วัน โดยมีการทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีหนังสือส่งมอบสิงโต ระบุ เป็นเพศผู้ 2 ตัว หมายไมโครซิพ ซึ่งฝังอยู่ในตัวสิงโต ตามกฏระเบียบของไซเตส อีกทัังก่อนหน้านี้ เคยเลี้ยงอยู่ที่ อ.สัตหีบ และ เพิ่งจะย้ายมาเลี้ยงที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 6 เดือน แต่ปัจจุบันเตรียมขายคืนให้กับเจ้าของฟาร์มที่ซื้อสิงโตมา โดยนัดหมายส่งสิงโตคืนในอีก 2 วันข้างหน้า
ผลการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น พบว่า สิงโตดังกล่าว เป็นเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว อายุประมาณ 1 ปี ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารที่นำมาแสดง โดยหนังสือส่งมอบสิงโต ระหว่างฟาร์มเลี้ยงสิงโต กับ เจ้าของสิงโต ระบุไว้ว่าตัวผู้ทั้งคู่
นอกจากนี้ ทีมสัตวแพทย์ มีการนำเครื่องสแกนหาไมโครชิพไปแสกนในตัวสิงโต พบว่าทั้ง 2 ตัว มีการฝังหมายเลขไมโครชิพ แต่ปรากฏว่า ไมโครชิพตรงแค่ตัวเดียว ส่วนอีกตัวไม่ตรงกับหนังสือส่งมอบสิงโต นอกจากนี้ ทั้ง 2 ตัว ยังไม่มีการแจ้งครอบครอง สัตว์ควบคุมประเภท ก. ( สิงโต ) ให้ถูกต้องตามระเบียบ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงขอยึดสิงโต ด้วยการยิงยาสลบก่อนจะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง ( เขาชีโอน ) เพื่อรอเจ้าของนำเอกสารตัวจริง มายืนยันอีกครั้ง
ด้าน ป้าร้านค้าฝั่งตรงข้าม เปิดเผยว่า ช่วงแรกๆพยายามสอบถามเจ้าของบ้าน ว่าเลี้ยงสัตว์ชนิดใด แต่เจ้าของบ้านกลับบอกว่าเลี้ยงสุนัข ก่อนที่เจ้าของจะมายอมรับภายหลังว่า เป็นสิงโต มีใบอนุญาตเลี้ยงถูกต้อง โดยพฤติกรรมของสิงโตก็คล้ายกับสุนัขทั่วไป ไม่เคยได้ยินเสียงร้อง หรือขู่คำราม หรือแสดงพฤติกรรมดุร้ายให้เห็น จึงทำให้ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร นอกจากนั้นถ้าถามตนเองว่ากลัวไหม ไม่กลัวเพราะไม่เคยเห็นมันแสดงอาการดุร้าย เพียงแต่มีคนเดินเลาะบริเวณรั้ว มันก็เคยชะโงกหน้าแค่นั้น แต่ไม่ได้ขู่หรือส่งเสียงร้อง
นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา ) เปิดเผยว่า เบื้องต้น สิงโตทั้ง 2 ตัว ถูกครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย สิงโต ถือเป็น สัตว์ป่าควบคุมประเภท ก. ( สิงโต ) หรือ สัตว์ป่าขนาดใหญ่ ประเภทกินเนื้อ มีความดุร้าย ซึ่งเป็นธรรมชาติของสิงโต โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำหนดไว้ว่า ผู้ที่มีสิงโตไว้ในความครอบครอง ก่อนวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ต้องมาแจ้งให้กับข้าราชการกรมอุทยานฯ ภายใน เดือนมีนาคม 2566 แต่กรณีนี้ ครอบครองสิงโต มาตั้งแต่ วันที่ 29 ธันวาคม 2565 ซึ่งหลังจากประกาศ จะต้องแจ้งทันที แต่รายนี้ ผ่านมาปีกว่าแล้ว ยังไม่มาแจ้ง จึงถือมีความผิดครอบครองสัตว์ป่าควบคุม ตามกฎหมายพระราชบัญญัติสัตว์ป่าปี 62 มาตรา 19 วรรค 1 จึงต้องทำการยึด แล้วนำไปเก็บไว้ในที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง ซึ่งการดำเนินการเคลื่อนย้าย จะต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของ โดยจะให้ทีมสัตวแพทย์ เข้าไปยิงยาสลบแล้วก็ขนขึ้นรถไป นอกจากนี้ อยากฝากถึง ผู้ที่มีสิงโตไว้ในความครอบครอง ให้มาแจ้งการครอบครองให้ถูกต้อง และจะต้องศึกษาระเบียบการครอบครองให้ถูกต้องด้วย เพื่อความปลอดภัยกับบุคคลรอบข้าง และ บุคคลใกล้ชิด
สำหรับ จังหวัดชลบุรี มีการแจ้งครอบครอง สัตว์ควบคุมประเภท ก. ( สิงโต ) ทั้งหมด 14 ตัว เป็นเลี้ยงเพื่อนันทการ 1 คน ( แจ้งเลี้ยงไว้ 2 ตัว ) เลี้ยงเป็นฟาร์ม 3 แห่ง และ สวนสัตว์ 1 แห่ง นอกจากนี้ สิงโต ที่ตกเป็นข่าว นั่งรถเบนท์ลีย์ชมวิวในเมืองพัทยา กับ สิงโต 2 ตัวนี้ ยังไม่มีการแจ้งครอบครองอย่างถูกต้อง และ ซื้อมาจากฟาร์มเดียวกัน ในจังหวัดนครปฐม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี