‘เจ๋ง ดอกจิก’เปิดใจยาว โอดเป็นเหยื่อการเมือง เล่นใหญ่ยกพานธูปเทียนสาบาน แช่งใครกล่าวหาตบทรัพย์ให้มีอันเป็นไป ดึง‘ธรรมนัส’สั่งให้ไปจัดการให้จบ เลิ่กลักไม่ชัดพ้นตำแหน่งคณะทำงาน‘พีระพันธุ์’เมื่อใด ขออย่าดึงผู้ใหญ่‘รทสช.’เกี่ยว รับเข้าพบ‘ไชยา’เพียงแสดงความยินดี หลังเข้ารับตำแหน่ง
เมื่อเวลา 10 .00 น.วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” แถลงข่าวชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาร่วมกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา ตบทรัพย์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จนนำมาซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ 3 ข้อหา ประกอบด้วย สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ และถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. และควบคุมตัวภายในทำเนียบรัฐบาล ก่อนได้รับการประกันตัว โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท
นายยศวริศ ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการประสานเจ้าหน้าตำรวจจาก สน.ดุสิต พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่มีการแถลงข่าวล่าช้าเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์ พร้อมกับระบุว่า ก่อนหน้าที่นี้ตน และนายศรีสุวรรณ มีการพบข้อพิรุธจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณ จึงได้ไปร้องต่อกรรมาธิการ แต่ขณะเดียวกันจากที่ได้พูดคุยกับนายศรีสุวรรณมีข้อมูลพบข้อพิรุธในกรมการข้าว ที่มีการทุจริตจำนวนมโหฬาร จึงได้มีการเตรียมเอกสารเพื่อร้องให้ตรวจสอบต่อกรมการข้าว
นายยศวริศ ยอมรับว่า มีคนสนิทซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดง เจรจาขอให้ไม่ร้องสอบอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากเป็นน้องและหนึ่งในเสื้อแดงจึงไม่อยากให้ไปแตะ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหา โดยร้องขอให้นายยศวริศเข้าไปดูแลแทน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นพรรคพวกเหมือนกัน ตนจึงโทรหาอธิบดีกรมการข้าว โดยในครั้งแรกไม่รับสาย แต่มีการนัดพบที่โรงแรมในเวลา 13.00 น. ก่อนจะเปลี่ยนสถานที่เจรจาเป็นห้องทำงานที่กรมการข้าว โดยพบว่าภายในห้องทำงานมีภรรยาอธิบดีอยู่ด้วย โดยระหว่างการเดินทางนายยศวริศยอมรับว่ามีการโทรตามจากอธิบดีกรมการข้าวหลายครั้ง โดยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตกลงจำนวนเงินตามที่เป็นข่าว 2 โล หรือล้าน เนื่องจากมีการไปพบยังยังบ้านพักของนายศรีสุวรรณแล้วก่อนหน้านี้
“นางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีหน้าที่แค่ประสาน และผมเพียงเข้าไปช่วย ไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์แต่อย่างใด และผมไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวมีงูเห่า ผมเป็นเพียงชาวนา ต้องการจบเรื่อง คนเราถ้าไม่ผิดไม่มีแผล จะเคลียร์ทำไม ผมไม่รู้ผิดถูกเมื่อมีข้อมูลส่อพิรุธมหาศาลก็ต้องร้องทำตามหน้าที่ และไม่เคยได้เงินสักบาทเดียว ส่วนการกล่าวหาว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ระดับชาตินั้นเลอะเทอะ จึงขอความเป็นธรรมเนื่องจากเกิดความเสียหายเกิดกับผม รวมไปถึงพี่น้องผู้ใหญ่ในพรรคเขาจะมองผมอย่างไร ว่า ผมมาทำมาหากินกับเรื่องแบบนี้ ขอความเป็นธรรมกับพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายยศวริศ กล่าว
นายยศวริศ กล่าวว่า ตนมาช่วยเขาแท้ๆ หากตนร่วมขบวนการ ตนต้องต่อรอง แต่นี่ต่อรองลง เพื่อให้บรรยากาศที่พอดีพอใจ 2 ฝ่าย ข้อกล่าวหานี้เกินเหตุเกินควร และมองว่านักย่อนักจัดรายการวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ตนกำลังให้นักกฎหมายดำเนินคดี รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ตนจะใช้กระบวนการยุติธรรม ไม่มีเว้นคดีต่างๆต้องไปสู้กันในศาลว่าผิดหรือไม่ผิด ไม่ใช่ตำรวจเจ้าของคดีมาแถลงรายวัน และตนเสียหายไปแล้ว ใครจะมารับผิดชอบ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคไม่ได้มาช่วยด้วย ขออย่าโยงให้ด่างพร้อย
ขณะเดียวกันนายยศวริศ ยังขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวที่มีการเปิดบริษัทโดยใช้ทุนจดทะเบียน 600 กว่าล้านบาท ว่า เหตุใดจึงรวย
นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งนายยศวริศ ยกธูปเทียนแพ และพวงมาลัยดอกไม้ขึ้น สาบานต่อหน้าสื่อมวล ว่า เรื่องทั้งหมดกล่าวหาว่าตนเป็นเจ้าหน้ารัฐใช้อำนาจโดยมิชอบเรียกรับผลประโยชน์ เพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น หากตนเป็นแก๊งตบทรัพย์ รีดทรัพย์ขอให้มีอันเป็นไป หากแม้ว่าตนไม่ได้เป็นทั้งนั้นขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง ขอให้คนกล่าวหาไม่มีที่อยู่ ทุกข์ใจยิ่งกว่าตนร้อยเท่าพันเท่า และให้บุคคลที่กล่าวหาตน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสื่อมวลชน หรือประชาชนที่คิดได้แบบนั้น คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอให้มีอันเป็นไป
เมื่อถามว่าการที่นายยศวริศ เข้าไปพบอธิบดีกรมการข้าวถึงในกรม มีการกล่าวถึงการเจรจาเรื่องค่าดูแล นายยศวริศ ยืนยันว่า การเข้าไปเจรจายังกรมไม่ได้มีตัวเลข 2 โล โดยการที่ตนเข้าไปพบเป็นเพียงตัวกลางในการเจรจาเท่านั้น
ส่วนข้อความแชทที่มีเนื้อหาในลักษณะตามทวงเงิน นางสาวพิมณัฏฐา ชี้แจงว่าตนเป็นเพียงตัวกลาง เมื่อตกลงว่าจะมีการทยอยจ่าย แต่โอนไม่ตรงตามตกลงจึงต้องมีการติดตามทวงให้ เนื่องจากอาจถูกมองว่ายักยอก พร้อมระบุว่ายอดเงินที่ตนรับทราบมีเพียง 60,000 บาท แต่ยอด 100,000 ตนไม่ทราบ และยอดเงิน 10,000 บาทเป็นการโอนไปยังบัญชีม้า
นายยศวริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการแต่งตั้งว่าสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ตนได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพฤศจิกายน และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธันวาคม แต่ขณะเดียวกันขัดแย้งกับเอกสารที่ระบุว่ามีการแต่งตั้งในวันที่ 28 กันยายน ส่วนวันแต่งตั้งตนเองจำเดือนที่แน่นอนไม่ได้
ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น นายยศวริศ ระบุว่า ตนเข้าออกสภาและทำเนียบรัฐบาลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นพูดจัดเตรียมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่า ตนเข้าไปจริง โดยเข้าไปหารือเรื่องกำไล EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่ามีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด
ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและนางสาวพิมณัฏฐา หรือการ์ตูน หรือตูน ยืนยันว่าเป็นเพียงเลขาส่วนตัว ซึ่งนางสาวตูนก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ก่อนหน้านี้ครอบครัวของนางสาวตูนเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดีจึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว
นางสาวการ์ตูน ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาส่วนตัวเท่านั้น และตนก็รู้จักกับครอบครัวของนายยศวริศทุกคน
“ยืนยันว่าตนเองไม่รู้จัก นายหมู ที่ปรึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเอก ที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นตัวกลาง ส่วนที่มีการจับกุมนายเอกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตนยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่รู้จักกับนายเอกนั้นเพราะก่อนหน้านี้นายเอกเคยนำเรื่องโครงการต่างๆมาให้ตนเองตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินที่โอนให้กัน ระหว่างนายเอก และตนเองแน่นอน” นางสาวพิมณัฏฐา กล่าว
นายยศวริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนยังไม่มีการพูดคุยกับนายศรีสุวรรณแต่อย่างใด ในส่วนของข้อสงสัยที่บอกว่าตนและนายศรีสุวรรณต่างขั้วกัน ทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนมองว่าหากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังจากเกิดเหตุได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่นายยศวริศ กล่าวว่า รออเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อนถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง
“ฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่” นายยศวริศ กล่าว
นายยศวริศ ยอมรับว่า มีการโทรศัพท์รายงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหารือว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่าให้ตนจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด อีกทั้งยังมีเพื่อนที่เป็นอดีตนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และมีการฝากฝังกับตนให้ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว
นายยศวริศ ยอมรับว่า รู้จักกับ ดร.เอก หนึ่งในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ของศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง นายยศวริศ ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ
“สาเหตุที่ผมถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกมทางการเมือง ถูกกลั่นแกล้ง ส่วนถูกใครกลั่นแกล้ง เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการลิดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี” นายยศวริศ กล่าว
นายศวริศ ยอมรับว่า ได้มีการเข้าไปพบนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ครั้ง เป็นเพียงการเข้าไปเยี่ยม เมื่อครั้งเข้าไปรับตำแหน่ง และตนก็เข้าไปเพียงแสดงความยินดี
ภายหลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นระหว่างเดินขึ้นรถ นายยศวริศ ยืนยันว่า ตนมองว่าเป็นเหยื่อทางการเมือง
เมื่อถามย้ำว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายยศวริศ ยอมรับว่า เพียงการตั้งข้อสังเกตของตนเท่านั้น เพราะอยู่ๆตนถูกตกเป็นนักตบทรัพย์ และถูกโยงไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมยืนยันว่า สถานะระหว่างตนกับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรก /////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี