นายอำเภอทองผาภูมิ กาญจนบุรี พร้อมคณะกรรมการไตรภาคีฯลงพื้นที่สำรวจโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว พบชาวบ้านยังกังวลการฟื้นฟูทั้งระยะที่ 1 และ 2 วอนเปิดข้อมูลค่าสารตะกั่วในร่างกายชาวบ้าน
ความคืบหน้ากรณีนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี นายนพพร วสุธาผาภูมิ พร้อมตัวแทนชาวบ้านบ้านทุ่งเสือโทน หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เดินทางมายื่นหนังสือให้กับร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เรื่อง ขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการดำเนินงานโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมชั้นล่างศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค.67 ต่อมาวันที่ 26 ม.ค.67 นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายกรกรณ์ อึ๊งภากรณ์ ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรีนายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งผู้แทนสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี นายบรรจง รสจันทร์ นายก อบต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ นายนิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้ โดยมีนายชยาวีร์ หวังเจริญรุ่ง นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ. กรมควบคุมมลพิษ ร่วมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) โดยในที่ประชุมได้มีการนัดหมายลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหน้างานอีกครั้งหนึ่งแต่ยังไม่ระบุวันที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.67 เวลา 13.30 น.ที่ผ่านมานายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วยนายนิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ตำบลชะแล และนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา ตัวแทนคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ตัวแทนคณะกรรมการไตรภาคีฯ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กรณีเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการ การฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ในการจัดการกากหางแร่บริเวณ (บ่อ 10 ไร่)
รวมทั้งบริเวณดินปนเปื้อนที่ยังคงเหลือที่บ้านส่องพู บริเวณบ่อเก็บตะกอนกากหางแร่ที่อยู่ในพื้นที่สัมปทานของโรงแต่งแร่ (บ่อ 22 ไร่) และตรวจสอบหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย ตามโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วจังหวัดกาญจนบุรี ระยะที่ 1 และระยะที่ 2
นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและรับทราบจากเอกสารพบว่า ประชาชนยังมีความกังวล จากการปนเปื้อนของสารตะกั่ว และเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาช่วงหลังจากการดำเนินโครงการ ระยะที่ 1 โดยขอให้ดำเนินการจัดการตะกอนในลำห้วยตะกอนขอบลำห้วย รวมถึงบนตลิ่งที่ยังเหลืออยู่ รวมทั้งขอให้แก้ไขขอบเขตการดำเนินงานโครงการระยะที่ 2 ด้วยการยกเลิกการปิดคลุมหลุมฝังกลบและงานซ่อมแซมฝายและขอให้ดำเนินการจัดการกากหางแร่ที่มีการปนเปื้อนสูงสะสมอยู่ในบ่อเก็บตะกอนหางแร่เดิมที่อยู่ในพื้นที่สัมปทานของโรงแต่งแร่บริเวณ (บ่อ 22 ไร่) และให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาช่วงหลังจากการดำเนินโครงการ
ระยะที่ 2 โดยขอให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ดำเนินการจัดการกากหางแร่ที่เหลืออยู่และฝังกลบในหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย รวมทั้งให้ดำเนินการจัดการตะกอนในลำห้วยคลิตี้ ตะกอนขอบลำห้วย และบนตลิ่งที่เหลืออยู่ ให้หมดไปเพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาใช้ประโยชน์น้ำภายในลำห้วยคลิตี้ได้อย่างปลอดภัยต่อไป การตรวจสอบรวมทั้งความต้องการของชาวบ้านข้างต้น ตนได้รายงานให้ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทราบแล้ว
ด้านนายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี 1 ในคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ชาวคลิตี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่ไม่ค่อยได้เรียนรู้หนังสือ โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าเจาะเลือดเพื่อหาค่าสารตะกั่วในร่างกายของชาวบ้านมาแล้ว ซึ่งทุกคนมีค่าสารตะกั่วในร่างกายสูงต่ำไม่เท่ากัน แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่เปิดเผยข้อมูลค่าตะกั่วแต่ปิดเอาไว้เป็นความลับ
จากนั้นได้นำยาแคปซูลที่ผลิตจากการสกัดจากสารผักชีมาให้ชาวบ้านกินเพื่อรักษา เมื่อชาวบ้านกินยาเข้าต่างก็รู้สึกไม่สบายเพราะเวียนศรีษะอย่างรุนแรง จากนั้นชาวบ้านก็ไม่กล้าที่จะกินยาตัวดังกล่าวอีกเลย สิ่งที่ชาวบ้านต้องการอีกหนึ่งประเด็นก็คืออยากให้สาธารณสุขเปิดเผยข้อมูลว่าชาวบ้านมีค่าสารตะกั่วในร่างกายเท่าไหร่ เพื่อชาวบ้านจะได้หาทางรักษาตัวเองได้อีกทางหนึ่งด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี