พฐ.นครพนม ตรวจเก็บหลักฐาน รถฟอร์จูนเนอร์ซุกป่า แม้เชื่อว่าเตรียมส่งข้ามโขง รอตำรวจชุมพรรับรถกลับไปดำเนินคดีโจรกรรม
วันที่ 6 ก.พ.67 พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองสิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม ประสาน พ.ต.อ.หญิง จิรนันท์ ธนะสิงห์ ผกก.พิสูจน์หลักฐานนครพนม (พฐ.) พร้อมเจ้าหน้าที่ พฐ.ฯตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือแฝง รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ภายในและนอกตัวรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ชุมพร โดยมีตำรวจสืบสวน ภ.จว.นครพนม และ สืบสวนชุดพยัคฆ์ สภ.เมืองนครพนม ร่วมสังเกตการณ์
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น.มีชาวบ้าน ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ประสานหน่วยบริการประชาชน ตำรวจทางหลวง ต.หนองญาติ (ตร.ทล.ต.หนองญาติ) ว่า ได้พบรถยนต์คันดังกล่าว จอดทิ้งไว้ในป่าริมถนนเขตบ้านดงโชค ต.หนองญาติ ทาง ตร.ทล.จึงแจ้งไปยัง ร.ต.ท.สิทธิพล วงศ์นิโลบล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ร่วมตรวจสอบพบเพียงกุญแจทิ้งไว้ในรถ พนักงานสอบสวนจึงนำรถยนต์มาตรวจสอบที่งานสืบสวน สภ.เมืองนครพนม หรือห้องปฏิบัติการสืบสวนชุดพยัคฆ์ และทราบต่อมาว่าเป็นรถยนต์คันเดียวกันที่นางวันเพ็ญ (สงวนนามสกุล) หรือเจ๊อ้วน อายุ 64 ปี ชาว อ.สวี จ.ชุมพร มีการแจ้งหายไว้ที่ สภ.สวี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 โดยระบุว่าหายไปกับสามีที่เป็นคนขับ คือ นายขนบ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี แต่ยังไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน
โดยทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม ได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ภาณุเดช ณ พัทลุง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ขอรายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งหายของรถยนต์คันดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นทางที่รับแจ้งจากเจ๊อ้วน ผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง จึงมีคำสั่งให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือแฝง รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดเพื่อเป็นหลักฐานประกอบในการดำเนินคดีและหาที่มาที่ไปของรถยนต์ว่าทำไมถึงวิ่งมาไกลถึงภาคอีสาน หรือหากมีการโจรกรรม จะได้ใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
เบื้องต้นเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีขบวนการโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติ เตรียมนำเข้าพื้นที่ชายแดน เพื่อเตรียมส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นรถยนต์เป้าหมาย และมีประวัติการตรวจยึดบ่อยครั้งในพื้นที่ชายแดน ส่วนใหญ่จะนำมาจากบ่อนการพนัน โจรกรรมและหนีไฟแนนซ์ ส่วนที่มาของรถยนต์คันนี้ รอการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ ทางตำรวจ สภ.เมืองนครพนม มีหน้าที่เพียงตรวจสอบเก็บหลักฐาน และยังไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้ เพราะยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และยังไม่ครบองค์ประกอบในการโจรกรรมขายข้ามชาติ โดยได้ประสานตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ท้องที่ต้นทางรับแจ้งความเหตุรถยนต์หาย พร้อมผู้ครอบครองรถ เดินทางมารับไปดำเนินคดีต่อไป ซึ่งเป็นในส่วนของการโจรกรรม ทางเจ๊อ้วนต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตนเองที่ สภ.สวี จ.ชุมพร พื้นที่ จ.นครพนมไม่ใช่ท้องที่เกิดเหตุ อีกทั้งรถยนต์ดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทโตโยต้าลิสซิ่ง ส่วนคนเช่าซื้อคือนางวันเพ็ญ หรือเจ๊อ้วน ที่เป็นคนแจ้งความรถยนต์หาย สำหรับประเด็นสำคัญ ตำรวจยังสันนิษฐานว่ามีปมขัดแย้งส่วนตัวระหว่างสามีภรรยา และเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.สวี จ.ชุมพร เป็นผู้สอบสวนปากคำ
สำหรับหลักฐานสำคัญ ที่ตรวจสอบพบ คือภาพจากกล้องวงจรปิดบางส่วน ที่พบว่ารถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ชุมพร วิ่งผ่านเส้นทางแยก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม เชื่อว่าพยายามหาทางหลบหนี เพราะเห็นรถตำรวจทางหลวงจอดสกัดตามเส้นทางสำคัญที่จะเชื่อมไปยังพื้นที่อำเภอชายแดนของ จ.นครพนม เพื่อพักเตรียมรอส่งข้ามไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลัวว่าจะถูกจับกุมจึงจอดทิ้งรถยนต์หลบหนี หรือบริเวณที่พบรถ อาจเป็นจุดนัดส่งรถกัน เพราะมีหลักฐานสำคัญเป็นกุญแจรถ ทิ้งไว้ในเกะหน้ารถเพื่อให้ผู้ชำนาญพื้นที่ของขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติ มารับช่วงขับต่อไป บังเอิญมีชาวบ้านมาพบเสียก่อนจึงแผนแตก
นอกจากนี้หลักฐานทางตำรวจยังพบภาพบุคคลต้องสงสัย จากกล้องจับความเร็วที่บันทึกภาพไว้ได้ ในเส้นทางที่ออกจากพื้นที่ จ.ชุมพร อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นใครต้องรอการสอบสวนผู้เสียหายและขยายผลของตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ท้องที่เกิดเหตุต่อไป ยืนยันถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี