‘บิ๊กต่อ’สั่งสอบวินัย-อาญา‘ร.ต.ต.หญิง’ ตะโกนข้ามหัวผู้การฯสั่งน้องชาย มือยิงอริห้ามทำแผน
8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กัน จอมพลัง พาภรรยาและครอบครัวของนายสุทัศน์ หรือเบิร์ด อายุ 30 ปี ที่ถูกนายภีมวัจน์ หรืออาร์ม อายุ 30 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) ใช้อาวุธปืนไล่ยิงจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจ บนถนนเพชรเกษม ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนนายอาร์ม จะเข้ามอบตัวและ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมตำรวจนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ระหว่างนั้นพี่สาวของผู้ต้องหา ซึ่งทราบว่าเป็นตำรวจหญิง ยศ ร.ต.ต. สังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมตะโกนแนะนำผู้ต้องหาไม่ให้ชี้จุด หรือทำแผน และให้ไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทำให้การทำแผนต้องยุติลง ทางภรรยาและครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ต้องหามีญาติเป็นตำรวจ และเข้ามาแทรกแซงคดี จึงเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ร.ต.ต. คนดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เป็นผู้รับหนังสือ
กัน จอมพลัง กล่าวว่า จากการสอบถามข้าราชการตำรวจทั่วไปพร้อมกับดูพฤติกรรมของ ร.ต.ต.หญิงคนดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เพราะการเป็นตำรวจและเป็นญาติของผู้ต้องหา กลับมาตะโกนให้คำแนะนำผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมอุกอาจแบบนั้น แม้จะอ้างว่าเป็นการลาราชการมา ก็อยากตรวจสอบทางวินัย เพราะมองว่าพฤติกรรมแบบนี้ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียหรือไม่
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาอาจไม่รู้สิทธิ์เรื่องการทำแผนนั้น เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีการแจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาให้ทราบแล้ว และมีการพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้ว จนยอมขึ้นรถไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปด้วย แต่พฤติกรรมของพี่สาวผู้ต้องหา มองว่าไม่เหมาะสม เชื่อว่าชาวบ้านทั่วไปที่เห็นแบบนี้ก็คงไม่สบายใจจึงอยากให้มีการตรวจสอบ
ด้านพี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจกับตำรวจชุดคลี่คลายคดี แต่ยังหวั่นว่าข้อกฎหมายอาจจะมีช่องโหว่ จนทำให้ผู้ต้องหาได้ประโยชน์ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาผู้ต้องหาหลบหนีด้วยรถหรู และมีการนัดหมายเข้ามอบตัวกับตำรวจ ส่วนมูลเหตุยืนยันว่าเป็นเรื่องในอดีตที่ทั้งสองชอบพอผู้หญิงคนเดียวกัน แต่มีครอบครัวกันหมดแล้ว แต่ฝ่ายผู้ต้องหายังปักใจยั่วยุทุกครั้งที่มีการพบเจอ ซึ่งฝ่ายคนตายก็มีการหลบเลี่ยงมาตลอด จนกระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิต
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นตำรวจจริง และมีการลาราชการมาอย่างถูกต้อง เพราะผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิ์กับบุคคลที่ไว้วางใจในการแนะนำในการต่อสู้ ส่วนการแนะนำสามารถทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องมาตะโกนบอก เพราะวันเกิดเหตุมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนาย จึงมองว่าไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ ส่วนในทางคดีขอให้ญาติมั่นใจเพราะแม้ผู้ต้องหาจะมอบตัว แต่ตำรวจก็คัดค้านการประกันตัว อีกทั้ง ผบ.ตร.สั่งการข้ามประเทศให้ รอง ผบช.ภ.7 เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นคดีอาชญากรม ขอย้ำว่าทุกฝ่ายต้องได้รับความเป็นธรรม
“เรื่องนี้ ผบ.ตร. ได้โทร.สั่งการข้ามประเทศ กำชับให้ดูแลคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งภาพที่เห็นว่าพี่สาวของผู้ต้องหาไปมีพฤติกรรมแบบนั้น ยอมรับว่า เป็นตำรวจจริง โดยได้สั่งการให้มีการตรวจสอบทั้งทางวินัยและอาญา สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หากผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์ไม่ทำแผน แต่ทางพนักงานสอบสวน หรือตำรวจก็สามารถหาพยานหลักฐานอย่างอื่นในการเอาผิดและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ การทำแผนหรือไม่ทำแผนจึงไม่มีผลต่อรูปคดี” รองโฆษก ตร. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี