ถูกชายนิรนาม-โดรนปริศนาเฝ้าติดตามหน้าบ้าน
ค้มกันอธิบดีข้าว
‘ธรรมนัส’ขอกำลังดูแลลูกน้อง
เรียกเมีย‘ศรีสุวรรณ’รับทราบข้อหา
ปูดอีกตบทรัพย์ประมูลกำไลEM
ตร.ขยายผลสอบหลายกระทรวง
“ธรรมนัส”เรียกอธิบดีกรมข้าวเข้าพบหลังถูกคุกคามถึงบ้านพัก ด้านรองผบช.ก.เผย ออกหมายเรียกบุคคลใกล้ชิด“ศรีสุวรรณ” 2 ราย รับทราบข้อหาคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมข้าว พร้อมขยายผลตรวจสอบอีกนับ 10 วงเปรยมีผู้เสียหายเป็นขรก.ชั้นผู้ใหญ่ จ่อเข้าให้ข้อมูลเพิ่มกับพนักงานสอบสวน
เมื่อวันที่ 8กุมภาพันธ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์อธิบดีกรมการข้าวกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีชายนิรนามมาป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าบ้านและมีโดรนปริศนาตกในบ้านว่าอธิบดีกรมการข้าวได้รายงานเรื่องนี้ให้ตนทราบแล้ว พร้อมกับปรึกษาว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมาป้วนเปี้ยนหลายครั้ง ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงอธิบดีฯ และครอบครัว จึงได้นัดให้อธิบดีฯ มาพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบในทางคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าพฤติกรรมของบุคคลปริศนาถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตั้งสมมติฐานขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเป็นเรื่องจริงก็คงมีมาตรการออกมาแก้ไข ซึ่งคดีนี้หลักฐานมันไปไกลแล้ว คดีจะปิดแล้ว อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดของชายปริศนาที่มาเฝ้าหน้าบ้านของอธิบดีกรมการข้าวว่าจะเกี่ยวข้องกับคู่กรณีในคดีหรือไม่ เนื่องจากเป็นเพียงการรับฟังรายงานทางโทรศัพท์เท่านั้น ยังไม่ได้พบตัวอธิบดีกรมการข้าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า อยากให้แยกเรื่องคดีความ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับการทุจริตในกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนที่จะกำกับดูแลตรวจสอบและจะไม่ละเว้นหากพบข้อเท็จจริงว่ามีการเกี่ยวข้องกับการทุจริต ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในแต่ละเรื่องเหตุใดจึงไม่ใช้บุคคลภายนอก ก็ต้องขอชี้แจงว่าหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด อยู่ภายใต้การดูแลของปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตนในฐานะรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้ปลัดฯ เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน จึงไม่สามารถนำบุคคลภายนอกมาเป็นคณะกรรมการได้
ส่วนที่นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ เปิดเผยว่าได้ส่งรายงานการตรวจสอบกรณีของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ถึงรมว.เกษตรฯ แล้วนั้น ทาง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ตนได้เซ็นอนุมัติให้ปลัดฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตั้งแต่ปีที่แล้ว ขอยืนยันว่าทุกเรื่องกระทรวงเกษตรฯ ได้ทำไปหมดแล้ว แต่เมื่อเป็นประเด็นในสังคม กระทรวงเกษตรฯ ก็ต้องเน้นให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ของกระทรวงเกษตรฯ เชื่อว่าน่าจะใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางอธิบดีกรมการข้าว ได้เข้ามาพบเพื่อปรึกษากรณีที่ถูกบุคคลปริศนา มาคุกคาม โดยวนเวียนอยู่แถวบ้านพัก ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด แต่อธิบดีฯ ระบุว่ามีรถยนต์ที่มาขับวนเวียนอย่างผิดปกติ และมีโดรนหล่นลงมาที่บริเวณบ้าน จึงร้องขอเจ้าหน้าที่ช่วยจัดกำลังไปดูแลความปลอดภัย โดยทางตำรวจยินดีดำเนินการให้
รอง ผบช.ก.กล่าวถึงความคืบหน้าในการขยายผลกลุ่มผู้ต้องหาตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ว่าได้มีการออกหมายเรียกบุคคลใกล้ชิดกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่เป็นผู้หญิง 1 ราย ซึ่งจากพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดและแชตไลน์ พบว่าเป็นตัวการร่วม แต่เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ตำรวจและศาลจึงเห็นตรงกันว่าต้องดำเนินการตามหลักการ ไม่รุนแรง จึงให้ออกหมายเรียก ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ โดยขณะนี้ยังติดต่อผ่านทางทนายความได้อยู่นอกจากนี้จะเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 1 รายมารับทราบข้อกล่าวหา โดยรายนี้สามารถติดต่อได้ และเจ้าตัวแจ้งว่าประสงค์จะเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ภายในสัปดาห์หน้า จึงยังไม่ได้ออกหมายเรียก
สำหรับกรณีของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน ที่นำข้อมูลมาให้พนักงานสอบสวน ปปป.นั้น พบว่ามีข้อมูลและให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกันและมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน ซึ่งนายเสกสกล ได้นำหลักฐานมาให้หลายอย่าง แต่ไม่ได้มีการร้องขอให้โอนคดีมาที่ ปปป.แต่ข้อมูลที่นำมาให้สามารถนำมาขยายผลทางคดีได้ ทำให้คดีมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ในส่วนของ นาย ว. จะต้องเรียกมาสอบหรือไม่ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีผู้เปิดเผยว่านายเสกสกลเอง ก็มีพฤติกรรมการเรียกรับเงินวิ่งเต้นโครงการรัฐ จะต้องตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปเปิดแผล ขณะนี้ข้อมูลที่ให้มาถือว่ามีประโยชน์แต่ถ้านาย ว.ที่ถูกกล่าวอ้าง มีข้อมูลเรื่องดังกล่าวก็สามารถนำมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้
ขณะที่การสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลไปยังความเสียหายที่เกิดขึ้นวงใหม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า มีข้อมูลที่กำลังตรวจสอบมากกว่า 10 วง ทั้งวงที่อยู่ในขั้นตอนเจรจา และวงที่มีการถอนเรื่องร้องเรียนออกไปแล้ว โดยวงที่ 2 กำลังจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ ผู้เสียหายคือนายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี โดยพบว่ามีแผนประทุษกรรมในการไปเจรจาเหมือนกันทุกอย่างมีการเรียกรับทรัพย์สินจากโครงการประมูลสัมปทานกำไลEM กระทรวงยุติธรรมปี 2565
เมื่อถามว่าผู้ก่อเหตุ ใช่นาย อ.กับ นาย จ.หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกันโดยลักษณะมีการเข้าไปพูดคุยกับนายกองตรีธนกฤต แต่เจ้าตัวไม่เล่นด้วย ทางกลุ่มนี้ก็เลยไปพูดคุยกับ รมว.ยุติธรรมในขณะนั้น ซึ่งทางรัฐมนตรีก็มีการชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ยังดื้อรั้นดันทุรัง พยายามที่จะตีให้ได้ ทั้งนี้ ตัวเลขที่เรียกเงินถือว่าไม่เยอะมาก “แค่เด็กๆ” เพราะยังไม่พบการกระทำผิด แค่เป็นการดิสเครดิตให้เสียชื่อเสียง และผู้เสียหายก็ยังไม่ได้มีการจ่ายเงินให้ไป โดยวงที่ 2 นี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน ก็จะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ส่วนวง 3 ที่จะเปิดต่อไปขอยังไม่ระบุว่าเป็นหน่วยงานไหน แต่ก็เป็นหน่วยงานราชการ โดยผู้เสียหายเป็นระดับชั้นผู้ใหญ่ และผู้เสียหายรับปากว่าจะเข้ามาให้ข้อมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างนัดหมายกัน และในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ 2 คน ที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำรายชื่อมาให้ ได้นัดหมายจะเดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วย
เวลา 13.50น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหยาง ยา ซุง และ น.ส.นวพร เชาว์วัย สองสามีภรรยา เดินทางเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยมีการนำเอกสารจำนวนหนึ่งเข้าแสดงต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งการเข้าพบในวันนี้ถือเป็นการเข้าพบก่อนกำหนดนัดหมาย 1วันและไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดแก่สื่อมวลชน ก่อนเดินทางกลับออกไป กระทั่งเวลา 13.10น.นายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยใช้เวลาในการสอบปากคำ 40นาที ก่อนออกมาเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้นำเอกสารมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนเนื่องจากในครั้งที่แล้ว ดีเอสไอได้สอบถามแต่เรายังไม่ทราบข้อมูล วันนี้จึงไปรวบรวมนำมามอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่แสดงชัดเจนว่าไม่มีชื่อของตนไปเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทใดๆ เพื่อชี้แจงตามที่มีการกล่าวหาว่าตนไปร่วมทำกิจการหรือธุรกิจใด ไม่ว่าจะเป็น 9 บริษัท หรือ 20บริษัท ตนยืนยันว่า ไม่มีชื่อไปร่วมเกี่ยวข้องในนั้นเลยแม้แต่บริษัทเดียว โดยเฉพาะในธุรกิจการขายส่งตีนไก่ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ตนไม่ได้ข้องเกี่ยวเลย ส่วนสาเหตุที่มาที่ทำให้ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา ขอให้สื่อมวลชนไปสอบถามทางพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม การยื่นเอกสารชี้แจงในวันนี้ของตนค่อนข้างมีความสมบูรณ์พอสมควร และหลังจากนี้ก็คงต้องเข้ามาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง โดยนัดหมายให้ตนเข้าพบในเดือน มี.ค.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี