สั่งยกคำร้องคัดค้านฝากขังศาลอาญา สั่งยกคำร้องคัดค้านฝากขังศูนย์ทนายสิทธิ์ฯ โดยอนุญาตฝากขัง นักข่าว -ช่างภาพอิสระ ช่วยเหลือสนับสนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ระบุมีคำร้องมีเหตุผลเพียงพอให้ฝากขังได้ ทนายเผยยื่นคนละ 5 หมื่นขอประกัน
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ได้ยื่นคำร้องฝากขังนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ อายุ 35 ปี ช่างภาพอิสระช่างภาพอิสระ และนายณัฐพล เมฆโสภณ หรือเป้ อายุ 34 ปี นักข่าวสำนักข่าวประชาไท 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่1607/2566 และหมายจับที่ 1608/2566 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ตามลำดับ ฐานเป็นผู้สนับสนุน ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่ง โบราณสถาน ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ ในที่สาธารณะ "นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
กรณีเมื่อ 28 มีนาคม2566 เวลาประมาณ 17.40 น. ที่บังเอิญ (สงวนนามสกุล) ศิลปิน อายุ 25 ปี ได้พ่นสีข้อความทำเป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์ "อนาคิสต์" บนกำแพงวัดพระแก้ว ด้านตรงข้ามสนามหลวง โดยผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันเป็นผู้สนับสนุน ทำให้เสียหายทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของพบว่า ก่อนวันเกิดเหตุคือวันที่ 27 มีนาคม นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เดินทางมาที่สนามหลวงและได้พบและพูดคุยกับนายบังเอิญ และได้ไปร่วมนั่งรวมกลุ่มที่บริเวณหน้าศาลฎีกา โดยในวันเกิดเหตุ วันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลา 16.45 น.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า mos รุ่นฟราโน่ สีเขียว-เทา บนถนนราชดำเนินกลางหน้าศาลฎีกา เวลา 16.55 น.ได้จอดรถจักรยานยนต์หน้าวินมอเตอร์ไซค์ ถนนหับเผย + ข้างศาลหลักเมือง เวลา 16.58น. ยืนอยู่บริเวณหน้าศาลหลักเมือง เวลา 17.35 น. อยู่หน้าร้านกาแฟอเมซอนข้าง กระทรวงกลาโหมประมาณ 20นาที ลักษณะเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย ต่อมาเวลา 17.39 น. นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยืนถ่ายภาพอยู่ที่ถนนหน้าพระลานตรงป้อมเผด็จฯ (ถ่ายภาพมุมด้านหน้า) ขณะที่ นายบังเอิญ ก่อเหตุพ่นสีกำแพง พระบรมมหาราชวังและเข้ามาถ่ายภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายบังเอิญ แสดงให้เห็นว่า นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รู้มาก่อนแล้วว่านายนายบังเอิญจะมาก่อเหตุ เวลา 17.45 น. นายณัฐพลพันธ์ พงษ์สานนท์ ผู้ต้องหาที่ 1 จะคอย - ถ่ายรูปขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายบังเอิญ ก่อนที่ณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1ได้วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจและ เดินหลบหนีมาทางถนนราชดำเนินกลาง
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของ นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 2 พบว่าเมื่อเวลา 16.50 น. เดินขึ้นมาจาก ถนนใต้อุโมงค์ ฝั่ง ม.ศิลปากร ถ.หน้าพระธาตุ เวลา 16.57 น. โดยเดินลักษณะเดินไปเดินมาอยู่ภายในสนามหลวง และบริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย กระทั่งเวลา 16.09 น. นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 2 ยืนอยู่บริเวณจุดคัดกรอง ถนนหน้าพระลาน เวลา 17.39 น. ได้ยืนรอถ่ายภาพอยู่ตรงบริเวณมุมสนามหลวง ฝั่งทิศตะวันตก (มุมถ่ายภาพจากทางขวา) ขณะที่ นายบังเอิญ กำลังก่อเหตุพ่นสีกำแพง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสอง รู้มาก่อนแล้วว่านายบังเอิญ จะมา ก่อเหตุ เพราะคนปกติทั่วไปหากไม่ทราบแผ่นการณ์มาก่อนก็ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือ มาถือรอถ่ายภาพขณะนายบังเอิญก่อเหตุได้ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด) พนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ต่อมาวันที่12 กุมภาพันธ์ 67เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวังแจ้งข้อหาดำเนินคดีโดย การกระทำของผู้ต้องหา เป็นความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุน ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ได้ประโยชน์ซึ่ง โบราณสถาน ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ ในที่สาธารณะและทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อ แก้ตัวอันสมควร” อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไข เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535มาตรา 32 วรรคแรก และพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 12,56 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 4 ,86 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก และอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้เป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 13 -24 กุมภาพันธ์ นี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่า ผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำ ขณะที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ จากศูนย์ทนายความฯยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขังผู้ต้องหา
ภายหลังนายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่าศาลได้อ่านข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนถึงพฤติการณ์สนับสนุนวางแผนและช่วยเหลือผู้ต้องหาอื่นซึ่งตอนนี้ตกเป็นจำเลยคดีพ่นสีในรั้วของวัดพระแก้ว ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธและขอคัดค้านการฝากขังซึ่งตนทำคำร้องคัดค้านไป โดยเหตุผลว่าตำรวจได้ขอฝากขังโดยอ้างว่าจะต้องสอบสวนพนักงานสอบสวนทั้ง5 ปากและ จะมีพยานเพิ่มเติม ศาลก็เลยเห็นว่าสมควรรับฝากขังไว้ ให้ยกคำร้องคัดค้านการฝากขัง โดยศาลเชื่อว่ามีเหตุผลที่รับฝากขังไว้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นแต่ว่าศาลก็ไต่สวนคือผู้ต้องหาทั้งสองคนพยายามที่จะทำคำร้องไปชี้แจงว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุผลที่จะสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว เพราะตัวผู้พ่นสีที่อ้างว่าผู้ต้องหาไปสนับสนุน ถูกฟ้องสอบสวนเสร็จเป็นคดีในศาลอาญา เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปสอบสวนเพิ่มเติม และหมายจับออกไปตั้งแต่ 22 พฤกษภาคม 66 แล้วทำไมพึ่งมาจับ ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่ศาลเห็นว่าคำคัดค้านของผู้สื่อข่าวทั้งสองคนไม่มีเหตุผลเพียงพอยกคำร้อง งดการไต่สวนทั้งหมด ทำให้วันนี้ไม่มีการนำพยานไต่สวน ตอนนี้อยู่ในระหว่างยื่นประกันน่าจะรายละ 5 หมื่นบาท ก็คงประกันตัวได้แล้วแต่ ซึ่งเงินประกันมีสำนักข่าวประชาไทช่วยออกสำหรับนักข่าวในสังกัดส่วนอีกคนใช้เงินญาติเเละเงินกองทุนฯ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ทนาย'ร้องคัดค้านฝากขังคดี'ผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ' ทำข่าวพ่นสีสเปรย์ข้างกำแพงวัดพระแก้ว)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี