"ผบช.ปส."แย้มหากจำนวนคดีผู้เสพมากกว่าผู้ค้า พร้อมเสนอปรับลดจาก 5 เม็ดเหลือ 3 เม็ด ด้าน "บิ๊กหลวง" แจงครองยาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ แต่หากไม่เข้าบำบัดหรือรายงานตัว เสี่ยงถูกดำเนินคดี
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. (ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด) และนายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ 1 ปี Quick Win (ห้วง 1 ธ.ค. 66 - 13 ก.พ. 67)
โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงการดำเนินการเรื่องการครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ดให้ถือเป็นผู้เสพ ว่าพลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พูดถึงกรณีการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่สันนิษฐานว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ว่าการครอบครองยาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 5 เม็ด จะพิจารณาเป็นผู้เสพที่จะคุมตัวไปบำบัดยาเสพติด / โดยพลตำรวจโทภาณุรัตน์ ชี้แจงว่า การจะจับกุมผู้ที่ครอบครองยาเสพติด จำนวน 5 เม็ดนั้น เบื้อง ต้นสันนิษฐานว่าเป็นผู้เสพ ตามกฎหมายยาเสพติด มาตรา ม.107 ที่จะต้องนำตัวไปบำบัดถือเป็นการลงโทษการปกครองพร้อมอธิบายว่าก่อนที่จะนำเข้าไปบำบัดจะต้องมีการตรวจประวัติลงบันทึกประวัติซึ่งหากตรวจประวัติแล้วไม่พบพฤติการณ์มีการค้ายาเสพติดก็จะทำประวัติและส่งไปบำบัดได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนของศาล ซึ่งการบำบัดก็จะบำบัด 2 ถึง 3 เดือนมีการบังคับรายงานตัวตามกำหนดตรวจปัสสาวะจนกว่าจะแน่ใจว่าบำบัดแล้วเสร็จจึงจะสามารถออกหนังสือรับรองถือว่าเป็นกระบวนการคืนคนดีสู่สังคม แต่ระหว่างการรายงานตัวหากพบพฤติการณ์ หลบหนีก็จะมีมีความผิดฐานครอบครองเพื่อเสพและออกหมายจับในภายหลัง
ส่วนข้อแตกต่างของกฎกระทรวงฉบับใหม่คือผู้ครอบครองยาบ้า 5 เม็ดและถูกนำไปบำบัดจะมีประวัติอาชญากร ซึ่งต่างกับกฎหมายยาเสพติดฉบับเก่าที่แม้ว่าครอบครอง 1 เม็ดก็จะถูกส่งศาลลงประวัติเป็นอาชญากร
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ากฎกระทรวงดังกล่าวเป็นการชี้ช่องโหว่กรณีผู้ค้ายาเสพติดใช้เด็กเดินยาครั้งละ 5 เม็ด เนื่องจากโทษผู้เสพและผู้ค้าต่างกัน ทางพลตำรวจโทคีรีศักดิ์ ตอบกรณีดังกล่าวว่าต้องดูพฤติการณ์และประวัติแม้ว่า จับผู้ต้องหาที่ครอบครองยาเสพติดเพียง 1 เม็ดแต่หากเคยมีประวัติการค้าหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นการขายก็จะเป็นการแจ้งข้อหาฐานค้ายาเสพติด ไม่ใช่มีไว้เพื่อเสพ พร้อมบอกว่ามาตรการดังกล่าวขอให้ดูสถิติในช่วงไตรมาสแรก หากพบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ค้าเปลี่ยนไปเช่น ค้าให้กลุ่มรายย่อยไม่เกิน 5 เม็ด หากสถิติจับผู้ต้องหาเสพไม่เกิน 5 เม็ดมากกว่าสถิติจับกุมผู้ค้าก็จะมีการเสนอบอร์ดคณะกรรมการป.ป.ส.ให้พิจารณาหลักเกณฑ์จาก 5 เม็ดเหลือ 3 เม็ด
ส่วน การจำแนกประเภทความรุนแรงของผู้ติดยาเสพติด โดยเฉพาะกลุ่มสีส้ม สีแดงที่มีอาการป่วยทางจิตเวช หากมีจำนวนมากเกินไปก็จะเล็งใช้พื้นที่ทหารนำผู้ป่วย ไป ฟื้นฟูสภาพจิตใจร่างกายเพื่อเป็นการบำบัดก่อนพากลับคืนสู่สังคม ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นเพียงการพิจารณา ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดมีจำนวนมากเพียงใด
นอกจากนี้ พลตำรวจโทภาณุรัตน์ พูดถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรม เสนอมาว่า ต้องการให้ดอกและเมล็ดกัญชาจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทยาเสพติด ซึ่งทางพลตำรวจโทภาณุรัตน์ ระบุว่า เข้าไปคุยกับทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมถึงประเด็นดังกล่าวแล้วแต่ตนไม่ขออธิบายแต่ขอให้เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีในการพิจารณา ตนเป็นเพียงผู้รับนโยบายและนำปฏิบัติเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ผบช.ปส. กล่าวว่า กฎกระทรวงออกมาเพื่อแยกให้ชัดสำหรับคน 2 กลุ่มคือ 1.ต้องนำไปบำบัด และ 2.นำไปเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยถ้าครอบครองยาบ้า 1 เม็ดก็ต้องเข้ารับการบำบัด แต่ถ้าครอบครองยาบ้า 6 เม็ดขึ้นไปก็ให้ไปรับโทษจำคุก เพราะถือว่าเป็นผู้ค้า และแม้ถูกล่อซื้อโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 1 เม็ด หรือเขาไม่มียาบ้าเลย แต่มีพฤติกรรมติดต่อและตกลงขายให้ แจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปรับยาบ้าที่ปลายทางก็ถือว่ามีเจตนาเพื่อขาย ฐานครอบครองเพื่อจำหน่าย กฎหมายฉบับนี้มีเพื่อไม่ให้ผู้เสพหรือผู้ค้ารายย่อยนำไปแอบอ้างและได้แยกผู้ค้าออกจากผู้เสพได้อย่างชัดเจน ครอบครองเกิน 5 เม็ดอย่างไรก็ต้องจับกุม
ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ากฎกระทรวงดังกล่าวเป็นการชี้ช่องโหว่กรณีผู้ค้ายาเสพติดใช้เด็กเดินยาครั้งละ 5 เม็ด เนื่องจากโทษของผู้เสพและผู้ค้าต่างกันนั้น พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องดูพฤติการณ์และประวัติทางคดี แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะจับผู้ที่ครอบครองยาเสพติดเพียง 1 เม็ดแต่หากเคยมีประวัติการค้าหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นการขายก็จะเป็นการแจ้งข้อหาฐานค้ายาเสพติด ไม่ใช่มีไว้เพื่อเสพ
ส่วนมาตรการการดำเนินการ ตนขอให้ดูสถิติในช่วงไตรมาสแรก (3 เดือน) การจับกุมผู้เสพที่ถือยาบ้าไว้ 1-5 เม็ดมีปริมาณเท่าไร และถือยาบ้า 6 เม็ดขึ้นไปมีปริมาณเท่าไร จะได้นำไปวิเคราะห์ แต่ถ้าถือยาบ้า 5 เม็ดยังมีจำนวนมากเหมือนเดิม ก็หมายความได้ว่ามีการเปลี่ยนพฤติกรรมการขาย จากบรรจุ 10 เม็ด/หลอดเป็น 5 เม็ด/หลอด หากเราดูแล้วว่าสถิติการจับผู้เสพ พบส่วนใหญ่เจอแต่ 5 เม็ดเรื่อยๆ ก็อาจจะต้องมาประชุมกันใหม่ว่าการครอบครองยาบ้า 5 เม็ดถือเป็นผู้เสพอาจจะมากไป คงต้องลดลงเหลือเพียง 3 เม็ด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี