'ปวีณา'ช่วย 2 หญิงไทยถูกจีนเทาบังคับค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 17 ก.พ.67 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา 2 สาวที่ได้ไปช่วยมาจากเมืองเมียวดี หลังจากที่ถูกหลอกว่าจะให้ไปทำงเป็นพีอาร์ แต่กลับถูกบังคับให้ไปค้าประเวณี และบังคับให้เสพยา ซึ่งเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากวันที่ 12 ก.พ.67 น.ส.เอ และ น.ส.บี อายุ 28 ปีเท่ากัน (ทั้งสองนามสมมุติ) สองสาวเพื่อนสนิท ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมาทางเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่าทั้งสองคนถูกบังคับค้าประเวณีอยู่ที่สถานบันเทิง KTV เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ถูกข่มขู่ทำร้าย และกำลังจะถูกขายต่อไปร้านอื่น ขอความช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านที่ไทยด้วย หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสองคน โดย น.ส.เอ และ น.ส.บี ได้ส่งโลเคชั่นมาให้ก่อนจะประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จ.ตาก ให้ความช่วยเหลือสองสาวออกมาได้คืนวันที่ 15 ก.พ.67 และนางปวีณา ได้เดินทางไปรับด้วยตัวเองที่ชายแดนอ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะให้อยู่ในความดูแลมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือพาแจ้งความ ปคม. เพื่อขยายผลเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ
น.ส.เอ เล่าว่า ตนเป็นคนภาคอีสาน ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์อยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือน พ.ย.66 ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และได้พบกับชาวจีนคนหนึ่งบอกว่า ตนเองเปิดสถานบันเทิงที่ จ.ตาก และชักชวนให้ไปทำงานพี่อาร์ด้วย โดยจะมีรายได้เดือนละ 3-4 หมื่น รวมค่าทิปแขก ค่าดื่มแล้ว จะได้เดือนละ 1-2 แสนบาท หลังจากวันนั้นตนก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีการติดต่อพูดคุยกับคนจีนดังกล่าวอยู่ตลอด ช่วงปลายเดือน ธ.ค.66 ตนจึงตัดสินใจลาออกจากงานก่อนเดินทางไปคนเดียวที่แม่สอดหวังจะทำงาน คนจีนดังกล่าวให้ตนนั่งรถไปลงที่ บขส.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นให้คนมารับเดินทางโดยรถยนต์อีก 3 ทอด ก่อนจะไปนั่งเรือข้ามฟาก ซึ่งตนไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศเมียนมา
เมื่อเดินทางไปถึงที่ร้านจึงรู้ว่าเป็นฝั่งประเทศเมียนมาเพราะเห็นการแต่งตัวของผู้คนและมีคนถือปืนตามจุดต่างๆ ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา บอสคนจีนเป็นผู้หญิงให้ทำงานพีอาร์เอนเตอร์เทนลูกค้า แต่ไม่เคยเจอหน้าหนุ่มคนจีนที่แนะนำ ที่นั่นไม่มีการบังคับค้าประเวณี ช่วง 10 วันแรกได้เงินถึง 3-4 หมื่นบาท ตนเห็นว่ารายได้ดีจึงได้ชักชวนน.ส.บี เพื่อนสนิทมาทำงานด้วยวันที่ 10 ม.ค.67 ช่วงที่ น.ส.บีไปถึง บอสคนจีนได้คัดเกรดหญิงสาว และบังคับให้ตนกับ น.ส.บี ค้าประเวณี แต่ตนกับ น.ส.บีไม่ยอมทำจึงถูกขายต่อไปร้านที่ 2 ในวันที่ 13 ม.ค.67 บอสเจ้าของร้านเป็นผู้ชายชาวจีนให้ตนกับ น.ส.บี เซ็นสัญญาเป็นหนี้รวมกัน 260,000 บาท และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้ ข่มขู่จะทำร้าย ตนกับ น.ส.บี กลัวมากจึงต้องยอมทำ แต่ทำไปก็ไม่เคยได้เงินและยอดหนี้ก็ไปไม่ลด ต้องทนทุกข์ทรมานสุดจะทนจึงขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67
ด้าน น.ส.บี เล่าว่า ตนเป็นพนักงานขับรถบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นเพื่อนกับ น.ส.เอ มา 4-5 ปีแล้ว น.ส.เอ บอกว่าไปทำงานเป็นพีอาร์รายได้ดี เป็นช่วงที่ตนกำลังอยากจะเปลี่ยนงานเพราะรายได้ไม่เพียงพอจึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานด้วย ไปถึงไม่กี่วันก็ถูกบังคับให้ค้าประเวณีและถูกขายต่อพร้อมกับ น.ส.เอ ทางบอสชายคนจีนบังคับให้ค้าประเวณีเพราะเป็นหนี้กันรวมกัน 260,000 บาท ถ้าไม่ทำจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมรับลูกค้าทั้งที่ไม่อยากทำ ตนเจอลูกค้าซาดิสม์ ทำร้าย ตบตีช้ำไปทั้งตัวก็ต้องทน ทางร้านไม่ช่วย ถ้าลูกค้าไม่พอใจไม่จ่ายเงิน ทางร้านก็จะมาต่อว่าดุด่าและให้เป็นหนี้เพิ่ม และบอสคนจีนบอกจะขายตนกับ น.ส.เอ ให้กับร้านอื่นต่อในวันที่ 11 ก.พ.67 ตนจึงอ้างกับบอสคนจีนว่าทางญาติกำลังจะหาเงินมาไถ่ตัววันที่ 15 ก.พ.67 เพื่อยื้อเวลา ก่อนตัดสินใจร่วมกับ น.ส.เอ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา ทางเพจเฟซบุ๊ก โดยนางปวีณา ได้คุยโทรศัพท์กับตนและ น.ส.เอ ตนจึงให้รายละเอียดพร้อมทั้งแจ้งพิกัดที่อยู่ให้ทราบ
นางปวีณา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจึงได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก เพื่อให้การช่วยเหลือ น.ส.เอ และ น.ส.บี ทันที ซึ่งการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน จากนี้จะพาทั้งสองคนเข้าแจ้งความกับ ปคม. สอบสวนขยายผล พร้อมพาไปตรวจร่างกาย รพ.ตำรวจ เพื่อพื้นฟูร่างกายและจิตใจ พร้อมเดินทางไปช่วยเหลือ 2 สาวไทย และ ได้เดินทางมาพบปะประสานงานกับกองกำลังนเรศวร ซึ่งรับผิดชอบ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันอธิปไตย ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขอรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และหารือแนวทางป้องกัน และการช่วยเหลือ คนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงานในสถานบันเทิง บริเวณแนวชายแดน ด้านตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี พ.อ.ไมตรี ชูปรีชา รอง ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และ คณะให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ ทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจ กับ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ช่วยกันป้องกันไม่ให้ คนไทย ถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอีก
ทั้งนี้ อยากฝากเตือนสาวไทยที่คิดอยากจะทำงานสบายรายได้ดีให้พึงระวัง อย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง อย่าหลงเชื่อ ใครที่คิดจะข้ามชายแดนไปทำงานไม่ว่าจะเป็น ด้านตรงข้าม จ.ตาก จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ อาจถูกหลอกบังคับค้าประเวณี กักขังบังคับเซ็นกู้เงิน สุดท้ายต้องใช้หนี้โดยค้าประเวณี ถูกทำร้ายเงินก็ไม่ได้ เหมือนตกนรกทั้งเป็น และเนื่องจากทางเมียนมามีสถาณการณ์การสู้รบเกิดขึ้นในเมืองยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ และตอนนี้ยากหลายเท่ามาก บางทีก็อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือกลับมาได้เลย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี