ไฟป่าแม่ฮ่องสอนหนัก
เร่งขอกำลังช่วยดับไฟ
ไฟป่าแม่ฮ่องสอนสถานการณ์เริ่มหนักมากขึ้น พบวันเดียวเกิดจุดความร้อน 38 จุด เฉพาะใน อ.ปาย สูงถึง 35 จุด ยังพบไฟป่าในหลายพื้นที่ ทางหน่วยไฟป่าทำงานหนัก ตลอดทั้งคืน ต้องประสาน ขอกำลังหน่วยข้างเคียงเข้าเสริม แต่ยังไม่เพียงพอ ล่าสุดต้องขอหน่วยดับไฟป่าจากอ.แม่ทะ จ.ลำปาง ช่วยดับไฟป่า พบเชียงใหม่พื้นที่เผาไหม้แล้วกว่า 3 หมื่นไร่
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เปิดเผยว่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน ได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ อ.ปาย พบว่าเกิดไฟป่าขึ้นมากผิดปกติ ล่าสุดจุดความร้อนช่วงเช้า ประจำวันที่ 19 ก.พ.2567 ดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดจุดความร้อนขึ้น 38 จุด พื้นที่ อ.ปาย 35 จุด อ.แม่ลาน้อย 1 จุด และ อ.แม่สะเรียง 2 จุด
สำหรับจุดความร้อนเมื่อวานนี้(18ก.พ.)ดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS จ.แม่ฮ่องสอน เกิดจุดความร้อนขึ้น 37 จุด ประกอบด้วย อ.ปาย 29 จุด อ.ปางมะผ้า 4 จุด อ.ขุนยวม 1 จุด อ.แม่สะเรียง 1 จุด และ อ.สบเมย 2 จุด ส่วนอำเภอที่ไม่เกิดไฟป่าได้แก่ อ.เมือง กับ อ.แม่ลาน้อย
นายสมจินต์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เกิดไฟป่าในพื้นที่ ต.เมืองแปง อ.ปาย มีการปรากฏจุดความร้อนขึ้นมาโดยต่อเนื่อง สจป.ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน มีความตระหนักและมีความห่วงใยเพื่อยับยั้งและหยุดการเกิดไฟจึงได้สั่งการให้หน่วยป้องกันรักษาป่าพื้นที่ใกล้เคียงเข้าสนับสนุนในการปฏิบัติงานอีกทั้งได้ประสานงานให้ชุดเหยี่ยวไฟกรมป่าไม้ที่ตั้งฐานเฉพาะกิจอยู่ที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เข้ามาสนับสนุนในการปฏิบัติงานโดยมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจที่หน่วยฯเมืองแปง และชุดปฏิบัติการที่กล่าวถึงข้างต้นจะเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันเวลานี้เป็นต้นไป หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย สจป.ที่1 สาขาแม่ฮ่องสอน จะได้สั่งการสนธิกำลังของหน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอนเข้าดำเนินการต่อไป
สำหรับพื้นที่ อ.แม่สะเรียง ในเวลา17.50น.เมื่อวานนี้(18ก.พ.)นายวิชัย กองแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลเมืองยวมใต้ มอบหมาย งานป้องกันฯ นำรถน้ำ 1 คัน เข้าดับไฟป่าริมทางหลวงถนนเส้น 108 ก่อนถึงสะพานแม่ขะจอย ต.แม่สะเรียงประมาณ 200เมตร เวลาประมาณ19.00น. ดับไฟไว้ได้ทันท่วงที สาเหตุเกิดจากการลอบเผาป่า
ทางด้านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน หน่วย ฯยังคงมีการจัดเรือเร็วออกลาดตระเวน พิสูจน์ทราบไฟป่า ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อยู่ในพื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี มีพื้นที่รอยต่อติดกับ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรีซึ่งช่วงนี้เกิดไฟป่าในพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งทำให้เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยอาสาสมัครต้องเร่งช่วยกันทำแนวกันไฟกันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่มีอุปสรรคที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสี่ยงอันตรายเนื่องจากในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันดับไฟนั้นได้ไปพบกับปืนดักสัตว์ที่มีกลุ่มคนหาของป่าแอบนำมาติดตั้งเอาไว้เพื่อล่าสัตว์ โดยใช้ท่อโลหะดัดแปลง ใส่กลไกทำเป็นปืนผูกติดกับต้นไม้ เมื่อสัตว์ หรือสิ่งใดมาโดนกลไกก็จะทำงาน โชคดีที่ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบเข้าเสียก่อน ก่อนที่จะมีความสูญเสียเกิดขึ้น
น.ส.สาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตยเผยว่า เบื้องต้นได้ทราบเรื่องและได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนให้ใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่ว่าการลักลอบใช้ปืนดักสัตว์มีความผิดตามกฎหมาย หากพบเห็นก็จะดำเนินการทันที สำหรับโทษของการลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยาน มีความผิดตามกรณีนำอาวุธหรือเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติ มีความผิดตามมาตรา 19(7) ระวางโทษตามมาตรา 45 ปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีล่าสัตว์ หรือทำอันตรายแก่สัตว์ป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีความผิดตามมาตรา 19(3) ระวางโทษตามมาตรา 43 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยช่วง 1 ก.พ.-31 พ.ค. 67 อุทยานแห่งชาติพุเตย มีประกาศห้ามเข้าอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 20และ 47 ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือGISTDAเผยข้อมูลจากภาพดาวเทียม Sentinel-2B ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.49น.แสดงภาพพื้นที่เผาไหม้บริเวณ อำเภอฮอด อำเภอจอมทอง และอำเภอแม่แจ่ม ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความเสียหายแล้วกว่า 30,700ไร่ ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี