ไฟป่าเหนือหนัก
เชียงใหม่รุนแรง
ไหม้ 3.3 หมื่นไร่
ลาม 2 อุทยานฯ
ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศกลับมาสูงอีกครั้งสูงถึง 1,352 จุด ที่เชียงใหม่ พบมีพื้นที่เผาไหม้แล้ว 33,000ไร่ ใน 3 อำเภอ พบพื้นที่อุทยานแห่งชาติ“ออบหลวง-แม่โถ”ไฟกำลังลุกลามหนัก ด้านแม่ฮ่องสอน เร่งระดมกำลังจนท.-ชาวบ้านที่ชำนาญพื้นที่ นำทางดับไฟป่าที่ยังไหม้อยู่หลายพื้นที่
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ , กรมควบคุมมลพิษ , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” พบว่า 26 จังหวัด มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีส้ม ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่พบโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดย 5 อับดับแรก คือ นครพนม 69.7 ไมโครกรัม , หนองคาย 65.1 ไมโครกรัม , อำนาจเจริญ 62.7 ไมโครกรัม , มุกดาหาร 59.1 ไมโครกรัม และยโสธร 55.1ไมโครกรัม สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าคุณภาพอากาศดีมาก สีฟ้าทั่วทุกเขตพื้นที่
ทั้งนี้จากข้อมูลจุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศกลับมาสูงอีกครั้ง โดยสูงถึง 1,352 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 499 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 387 จุด พื้นที่เกษตร 223 จุด พื้นที่เขต สปก.133 จุด ชุมชนและอื่นๆ 101 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 9 จุด โดยจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด 3 อันดับแรก คือกาญจนบุรี 148 จุด , ตาก 113 จุด และชัยภูมิ 113 จุด
สถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่โถ ออบหลวง เชื่อมต่อดอยอินทนนท์ เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่พบว่ากำลังเกิดไฟป่าลุกลามอย่างหนักและขยายพื้นที่ออกเป็นบริเวณกว้าง
ล่าสุด อว.โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDAเผยข้อมูลจากภาพดาวเทียม Landsat-9 ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567เวลา10.49 น.แสดงภาพพื้นที่เผาไหม้บริเวณอุทยานแห่งชาติแม่โถ รอยต่อ อ.ฮอด อ.จอมทอง และ อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่เผาไหม้แล้ว 33,000ไร่โดยเฉพาะบริเวณอุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่เปลวไฟกำลังลุกลามอย่างหนักในช่วงเวลานี้ และยังควบคุมเพลิงไม่ได้ กินพื้นที่ไปแล้วกว่า 600ไร่เป็นระยะทางยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร สาเหตุการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ รวมถึงการเผาพื้นที่เกษตรก่อนเตรียมการเพาะปลูก และการเผาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น
วันเดียวกัน นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรงมากขึ้นในพื้นที่ ต.เมืองแปง , ต.แม่ฮี้ และ ต.ทุ่งยาว ว่าได้ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการให้ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านที่มีความชำนาญเส้นทาง นำทางชุดปฏิบัติการพิเศาดับไฟป่า (เหยี่ยวไฟ) จ.แม่ฮ่องสอน อุดรธานี และนครราชสีมา เข้าไปดับไฟป่าบนเทือกเขา และหากดับไม่ได้เนื่องจากเป็นหน้าผาและเทือกเขาสูงชัน ให้ทำการทำแนวกันไฟ เพื่อไม่ไฟลุกลามขยายวงกว้าง
นอกจากนี้ได้ประสานไปยังหน่วยดับเพลิงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าพื้นที่ ควบคุมเพลิงกรณีไฟป่าใกล้บ้านเรือนชาวบ้าน เพื่อป้องกันเพลิงไหม้บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
ส่วนนายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย กล่าวถึงแผนดับไฟป่าว่าได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเสบียงอาหาร และอุปกรณ์ต่างๆไว้สำหรับ 3 วัน 2 คืน ขึ้นไปสนับสนุนการดับไฟป่าจนกว่าจะดับไฟได้ แต่ปัญหาอุปสรรคคือภูเขาที่สูงชัน มีความสลับซับซ้อนและเป็นป่าลึกต้องเดินเท้าเพียงอย่างเดียว จึงขอให้ชาวบ้านที่ชำนาญพื้นที่เป็นผู้นำขึ้นไปดับไฟ
อีกด้านหนึ่ง นายสมคิด ปัญญาดี ผอ.ส่วนยุทธศาสตร์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับฝุ่นควันในห้วงเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจากสถิติในหลายปีที่ผ่านมา พบว่าเป็นห้วงเดือนที่มีความร้อนเกิดขึ้นมากที่สุด ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5สูงกว่าเดือนอื่น ทาง จ.เชียงใหม่ ได้ดำเนินการเชิงรุกโดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างอาชีพให้กับผู้มีอาชีพหาของป่า หรือมีความเสี่ยงต่อการบุกรุกพื้นที่ป่า ประกอบกับจัดเตรียมทีมลาดตระเวน จัดตั้งจุดสกัดในพื้นที่เสี่ยงและเตรียมความพร้อมทางด้านอากาศยาน ป้องกันและดับไฟป่า
นายสมคิดกล่าวอีกว่านอกจากนี้ยังส่งเจ้าหน้าที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่ เพื่อสอดส่องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการฝนหลวงทันที หากมีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศสูงและอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
“ในช่วงวิกฤตหรือช่วงเผชิญเหตุในห้วงเดือนมกราคมถึงเมษายน มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการกำกับติดตามในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล โดยใช้แอปพลิเคชั่น FireD บริหารจัดการเชื้อเพลิง ขณะเดียวกัน มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยการนำเศษวัสดุทางการเกษตรมาทำเป็นปุ๋ยหรือการไถกลบ ตลอดจนเปิดจุดรับซื้อกิ่งไม้ใบไม้ต้นข้าวโพดต่างๆ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ขายให้องค์กรเอกชนนำไปผลิตเป็นชีวมวลแปรรูป และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นในการตรวจจับควันดำรถ เปิดห้องฉุกเฉิน EOC ด้านฝุ่นควันในทุกโรงพยาบาล และทุก รพ.สต.เป็นต้น” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชม.13 (สันป่าตอง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบขาน ตำรวจ สภ.หางดง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าจับกุมผู้ที่ลักลอบเผาป่า 3 ราย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน พื้นที่บ้านท่าไม้ลุง ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง รับไว้ดำเนินคดี
ด้านศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เชียงใหม่ รายงานพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ อ.ฮอด 21 จุด , จอมทอง 11 จุด , ดอยเต่า 8 จุด , แม่แตง 4 จุด , เชียงดาว 3 จุด , แม่อาย 2 จุด , แม่แจ่ม 2 จุด , แม่ออน 1 จุด , ไชยปราการ 1 จุด , แม่วาง 1 จุด และหางดง 1 จุด โดยสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดในอุทยานแห่งชาติแม่โถ-อุทยานแห่งชาติออบหลวง นานกว่า 9 วันแล้ว ยังไม่สามารถดับได้ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการอย่างเต็มที่
ที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผวจ.บุรีรัมย์ ออกคำสั่งประกาศจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง ห้ามเผาโดยเด็ดขาดในทุกพื้นที่ โดยผู้ฝ่าฝืน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 15, 29 และ 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นั้น ปรากฏว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้พบการลอบเผาไร่อ้อย ในพื้นที่บ้านสีชวา หมู่ 7 ต.ไผทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จึงสั่งการให้ พ.จ.ท.ทวี พิมพ์อุบล นายอำเภอลำปลายมาศ พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก.สภ.ลำปลายมาศ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบ
ตรวจสอบพบว่ามีการเผาไร่อ้อย พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ สอบถามผู้ใหญ่บ้าน บ้านสีชวา หมู่ 7ต.ผไทรินทร์ ทราบว่าเจ้าของไร่คือ นายนิคม ชาว ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี เบื้องต้นนายนิคมสารภาพได้เผาไร่อ้อยเพื่อตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลโดยเจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 2,000บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี