“แม่นุ่น” ร่ำไห้ ที่แม่เคยสงสัยมันใช่หมดเลย “ทอย” ฆ่าลูกแม่ แล้วยังตีหน้าเศร้าเล่นละคร “บิว” พลเมืองดี เผยคำพูดตำรวจ ผลักภาระให้ผู้เสียหาย
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 รายการโหนกระแสวันนี้ ได้พูดคุยกับ แม่ พ่อ และน้องชายของ นุ่น สาวที่ถูก ทอย สามีโหด ทารุณกรรมจนเสียชีวิต ก่อนนำร่างไปเผาอำพราง
แม่ของน้องนุ่น เล่าว่า ตั้งแต่ลูกรู้จักและคบหากับ ทอย ตนไม่เคยเจอหน้าทอยมาก่อน งานแต่งงานแม่ก็ไม่ได้ไป ทราบจากลูกสาวเพียงว่า คบหากับกันเป็นแฟน และกำลังมีลูกด้วยกัน วันที่ทราบว่านุ่นหายไป อาของนุ่นโทรมาถามน้องชายนุ่น ว่า นุ่นหายตัวไป นุ่นได้โทรหาแม่หรือเปล่า โดยอาของนุ่นบอกว่า ทราบข่าวว่านุ่นหายไปจากเพื่อนของนุ่น
แม่บอกอีกว่า ตนเริ่มเอะใจผิดสังเกต จึงเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของลูกสาว เพราะลูกสาวจะติดโทรศัพท์มาก แต่ก็ติดต่อไม่ได้ พยายามติดต่อหาเพื่อนๆลูกสาว ถึงได้ข้อมูลมา เป็นคำกล่าวอ้างจากนายทอยที่บอกเพื่อนๆลูกสาว ว่า นุ่นไปกินเลี้ยงวันเกิดกับนายทอยและมีปัญหาทะเลาะกัน
ได้มาเจอกันครั้งแรกที่โรงพัก สภ.ปากเกร็ด ทอยเริ่มมีพิรุธและพูดกับตนเองว่านุ่นอาจจะไม่กลับมา ให้เตรียมใจไว้ 50/50 นุ่นหนีลงจากรถไปขึ้นแท็กซี่ ตอนนั้นนุ่นแต่งตัวโป๊ ใส่ทองด้วย อาจจะเกิดเหตุร้ายกับนุ่นก็ได้ ตนเองก็ตกใจจึงรีบหันไปถามกลับว่า หมายถึงยังไง 50/50 ทอยยิ่งแสดงอาการพิรุธ แม่รู้สึกเอะใจสงสัยในตัวทอยตั้งแต่แรก
หลังสอบปากคำเสร็จ ตนได้ขอเข้าไปดูที่บ้านของทอย อยากดูความเป็นอยู่ของลูกสาว โดยตอนไปที่บ้านไม่พบร่องรอยอะไรผิดปกติ แต่ยอมรับว่า ตนเองเริ่มกลัวนายทอยและเริ่มสงสัยนายทอยมากขึ้น
แม่นุ่นยังบอกไปอีกว่า ให้ทอยพาลูกไปอยู่กับญาติก่อนจะได้ตามหาเมียได้เต็มที่ โดยตอนนั้นแม่สงสัยในตัวทอยเต็มที่แล้ว จึงอยากเอาหลานออกมาก่อน กลัวว่าทอยจะทำอะไรกับลูก
โดยตอนที่แม่บอกให้ทอยเอาลูกไปฝากไว้ เพื่อจะได้ตามหานุ่นง่ายๆ ทอยตอบกลับมาว่า “เป็นพรุ่งนี้แล้วกันครับ ไม่อยากห่างลูก อย่างน้อยก็เห็นลูกอยู่ด้วยเป็นกำลังใจ ผมก็ห่วงจนนอนไม่หลับ” แต่แม่ย้ำกับทอยว่า ให้รีบออกไปตามหา โดยให้เอาลูกสาวไปฝากไว้บ้านญาติก่อน ถือว่าแม่ขอร้อง ทอยจึงตอบกลับมาว่า “งั้นเดี๋ยวผมรีบเตรียมของ ของลูกสาวแล้วกันครับ”
จนกระทั่งมาดูข่าวและติดตามข่าวลูกสาวหาย พบว่า คำให้การและคำให้สัมภาษณ์ของนายทอยมีพิรุธหลายอย่าง ไม่ตรงกับที่ทอยคุยกับเพื่อนลูก
กระทั่งเพื่อนของลูกได้รับการประสานจาก “บิว” หนุ่มพลเมืองดี ที่เข้ามาให้ข้อมูลว่า ทอยให้ข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะตอนที่ตนไปเจอ จุดที่เจอไม่ตรงกับที่ทอยพูด เช้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ แม่กับบิวจึงไปที่โรงพัก เพื่อแจ้งความเพิ่มเติม และเริ่มมั่นใจแล้วว่านายทอยเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนุ่น
ตอนที่บิวกับแม่ไปตามหากล้องวงจรปิด ไปเจอร้านติดฟิล์มรถยนต์ ที่มีกล้องวงจรปิด เขาให้ความร่วมมือเต็มที่ พอบอกเวลา แล้วเขาไล่ภาพ ก็เจอว่าเป็นนุ่นจริงๆ กำลังถูกทอยทำร้ายร่างกาย แม่ทนดูภาพไม่ได้ เห็นแวบแรกก็จำได้แล้ว จึงให้บิวเอามือถือถ่ายคลิปเอาไว้ แล้วพากันไปโรงพักเพื่อเอาหลักฐานไปให้ตำรวจด้วยตัวเอง พอตำรวจเขาดู เขาก็บอกว่า “ถ้าแบบนี้เอาผิดเขาได้แล้ว”
แม่ของนุ่นถึงกับหลั่งน้ำตากลางรายการ บอกว่า สิ่งที่แม่คิดไว้ตั้งแต่แรกมันถูกทั้งหมดเลย เขาทำร้ายลูกของแม่จริงๆ แล้วตัวผู้ชายยังมาเล่นละครกับแม่อยู่ตั้งนาน สุดท้ายแม้แต่ GPS ที่เขาส่งให้แม่ ก็คือจุดที่เขาเอาลูกแม่ไปเผาทิ้ง
ขณะที่ บิว พลเมืองดีบอกว่า ตำรวจร้อยเวรที่ดูแลคดีนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ตนได้ฟังทอยให้สัมภาษณ์ ตนรู้ว่าเขาพูดไม่จริง ก็ต้องการจะไปบอกตำรวจว่าเขาโกหก ตำรวจยังมาบอกตนว่า “เขาไปให้ข่าวกับนักข่าวนี่ เขาไม่ได้ให้การกับผม” แล้วก็ยังถามตนว่า “คุณเป็นอะไรกับคนหาย เรื่องของผัวเมียเขา” สุดท้าย บิว กับ แม่ของนุ่น ไปช่วยกันตามหากล้องวงจรปิดกันเองจนพบความจริง ถึงได้นำไปสู่การเฉลยว่า ทอย เป็นคนก่อเหตุ
ในเรื่องนี้ อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม มองว่า เรื่องนี้มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เวลามีเรื่องมีราว ตำรวจชอบไล่ผู้เสียหายไปหาหลักฐาน ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแท้ๆ ทุกครั้งที่มีปัญหาขึ้นมา ตำรวจชอบพูดว่า คุณไปหามาสิ คุณไปตามมาสิ ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่ของผู้เสียหายเลย
เรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปฏิรูปการสืบสวนสอบสวนได้หรือยัง จะต้องให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นมาอีกสักกี่ครั้ง
ขณะที่ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต มองว่า เรื่องนี้มีหลายคนทำหน้าที่ด้วยจิตสำนึกของความเป็นคน ทำหน้าที่พลเมืองดี ช่วยเหลือสังคม จนความจริงมันปรากฏออกมา แต่ที่ต้องถามก็คือ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ใครเหล่านั้นเขามีจิตสำนึกหรือไม่ ที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
แม่บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหวังจะให้ทอยรับโทษให้ถึงที่สุด ประหารได้ยิ่งดี แม่รู้สึกว่าจิตใจเขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว แค่อยู่ในร่างกายมนุษย์เท่านั้น การทำร้ายแม่ของลูกจนตาย โดยที่มีลูกอยู่ในอ้อมแขน มันเป็นเรื่องที่ใครก็รับไม่ได้
ส่วนที่แม่ห่วงที่สุด คือจิตใจของหลานที่จะต้องโตขึ้นมา เขาอาจจะมาเห็นข่าวของพ่อกับแม่ในอนาคต กลัวว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร จะส่งผลต่อการเติบโตของเด็กคนหนึ่งหรือไม่ โดย อ.ปรเมศวร์ก็บอกว่า ขอให้ทางครอบครัวช่วยกันดูแลหลานคนนี้ให้ดีที่สุด และเปลี่ยนชื่อนามสกุลของเด็กทั้งหมดไปเลย ล้างประวัติให้หมด เพื่อที่ว่าเขาเติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวในอดีต ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำได้
ส่วนพ่อของนุ่น ซึ่งแยกทางกับแม่ ก็ยังเข้ามานั่งพูดในรายการด้วย โดยบอกว่าเคยเจอทอยมาแล้วในวันผูกข้อไม้ข้อมือ ที่เขาจัดงานแต่งงานเล็กๆ กัน แต่พอหลังจากนั้น ผู้ชายคนนี้เขาทำตัวไม่ดี ทำร้ายลูกสาวเรา จนเราขอร้องให้ลูกเลิกกับเขา ปรากฏว่าทอยก็ยังไปโพสต์ด่าพ่อหยาบคาย ในเฟซบุ๊ก ด่าทอไม่เคารพกันเลย คำด่าสารพัดจะรับได้
ยิ่งมาเห็นข่าวที่เขาทำกับลูกเราแบบนี้ แม้แต่ข่าวพ่อก็ไม่กล้าดูซ้ำ คลิปก็ไม่กล้าดู ทำใจไม่ได้จริงๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี