พ่อสมหมายอ้อนศาล ปล่อยตัวลูกสาว ทานตะวัน กับแฟรงค์ ผู้ต้องคดีป่วนขบวนเสด็จ รับปากหากศาลให้ประกัน จะไม่ยอมให้ลูกสาวยุ่งเกี่ยวการเมืองอีก ให้ใช้ชีวิตวัยรุ่น และเรียนหนังสือให้จบ
    
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของ น.ส. ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน อายุ 22 ปี  นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดี ป่วนรถขบวนเสด็จได้มายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวน.ส.ทานตะวัน รวมทั้งนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ อายุ23 ปีผู้ต้องหาร่วมคดีเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้  พนักงานสอบสวนสน.ดินแดงได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง และญาติได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทั้งสองต่อศาล

อย่างไรก็ตามศาลอาญาพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าข้อหาที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ในการกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

โดยนายสมหมาย เปิดเผยว่า เมื่อวานได้ไปเยี่ยมลูกสาวและแฟรงค์ ที่รพ. ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พบว่า นาย ณัฐนนท์ มีร่างกายที่แย่มาก ร่างกายขาดน้ำและขาดอาหาร เบลอไปหมด พูดไม่ได้ ส่วนอาการของ ทานตะวัน ร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก พูดจาสามารถทำได้เพียงแค่กระซิบ แทบจะไม่ได้ยินเลย ถ้าปล่อยต่อไปให้เป็นเช่นนี้ อีกไม่กี่วันไม่แน่ใจว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ ทั้งสองคนไม่มีแรงแม้กระทั่งจะฝากบอกอะไรมา เลยมาขอความเมตตาจากศาล ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อออกมารับการรักษา โดยครั้งนี้เป็นการยื่นขอประกันครั้งที่ 3 จึงหวังว่าศาลจะเมตตา

นายสมหมายกล่าวชี้แจงอีกว่า ในวันเกิดเหตุทั้งสองคนไปร่วมงานศพของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มทะลุฟ้าคนหนึ่ง ซึ่งขากลับได้ขึ้นทางด่วนแล้วไปเจอขบวนเสด็จโดยบังเอิญ ไม่ได้มีเจตนาหรือวางแผนเพื่อไปก่อเหตุป่วนขบวนเสด็จแต่อย่างใด เพราะคนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เส้นทางเสด็จจะใช้เส้นทางใดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่ระหว่างเดินทางอยู่จะไปเจอขบวนเสด็จ อีกทั้งขบวนเสด็จใช้ความเร็ว ไม่มีทางที่จะขับรถตามไปป่วนได้ทันแต่ก็ยอมรับว่าเด็กทั้งสองคนมีพฤติกรรมและใช้วาจาไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ แต่การการกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริง ลำพังเด็กทั้งสองคนจะไปทำอะไรได้ เพราะถ้ามีการใช้ความรุนแรงจริง เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการขั้นเด็ดขาดขณะเกิดเหตุได้ทันที

อีกที้งยังให้คำมั่นว่าหากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จะดูแลลูกไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอีก จะให้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น และเรียนให้จบต่อไป

ด้านนายนภสินธุ์ ตรียาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ แนวร่วมกลุ่มทะลุวัง ซึ่งมาให้กำลังใจ เปิดเผยว่า คดีที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนซึ่งจะครบฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ในเร็วๆนี้ ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนจะยื่นฝากขังผัดที่ 2 ต่อหรือไม่ ซึ่งในคดีนี้พนักงานสอบสวนให้เหตุผลคัดค้านประกันตัวว่า ผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือหลบหนีได้ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองไม่ได้มีเจตนาหลบหนี และไม่เคยไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานแต่อย่างใด จึงไม่เห็นความจำเป็นที่พนักงานสอบสวนจะต้องออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน วันนี้จึงมาให้กำลังใจให้นายสมหมาย เพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน จึงอยากให้ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวน สน.ดินแดน ได้ยื่นคำร้อง ฝากขังน.ส.ทานตะวัน และ นายณัฐนนท์  ผู้ต้องหาที่ 1-2 ข้อหาว่า ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญาและร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะ , ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร 

กรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 67 น.ส.ทานตะวัน ร่วมกับ นาย ณัฐนนท์ หรือ แฟรงค์ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง พยายามขับรถแซงขบวนเสด็จบนทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จผ่าน และใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัย ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ฝากขังและไม่อนุญาตให้ประกันทั้งสองเรื่อยมา.