"บิ๊กทิน" ควง "รมช.คลัง" ลงพื้นที่กาญจน์มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการ "ธนารักษ์เอื้อราษฎร์" ประจำปีงบประมาณ 2567 ตามนโยบายรัฐบาล เผยทั้งประเทศมีที่ทับซ้อนค่อนประเทศ ระดับรัฐมนตรียังทะเลาะกับข้าราชการ ต่อไปแผนที่ต้องมีฉบับเดียว
วันนี้ (29 ก.พ.67) ที่ลานเอนกประสงค์เทศบาลตำบลไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุโครงการ "ธนารักษ์เอื้อราษฎร์ " ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคมเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน โดยดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุโดยการรับรองสิทธิด้วยการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุภายใต้โครงการ "ธนารักษ์เอื้อราษฎร์" โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.ธีระยุทธ จินหิรัญ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.ต.พฤทธิ์ จันทราสา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 17 นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายรณภาพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5 รวมทั้งผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรที่ได้รับสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ 153 รายเข้าร่วม
สำหรับการมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุให้กับประชาชนมีจำนวน 153 ราย เป็นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กจ.209 บริเวณบ้านแก่งประลอม พื้นที่ 2,223 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวา และบ้านพุดล่าพื้นที่ 52 ไร่ 43 ตารางวาในตำบลท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี รวมเนื้อที่ทั้งหมด 2,375 ไร่ 2 งาน 15 ตารางว่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยที่ทำกินและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ดีขึ้นภายใต้นโยบายของรัฐบาล
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้มาในนามตัวแทนประทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ส่งความห่วงใยมาถึงประชาชน นโยบายของเราในวันนี้คือมอบสิทธิในการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐให้กับประชาชน ซึ่งเป็นดำริของท่านนายกรัฐมนตรี ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและริเริ่มโดยกองทัพคือ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งเป็นความคิดในการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งในการเข้าใช้พื้นที่ของประชาชนในพื้นที่ของรัฐ โดยที่รัฐไม่ได้ใช้ประโยชน์ในหลายส่วนแล้ว ทางกองทัพก็พร้อมและยินดีที่จะคืนพื้นที่เหล่านั้นมาให้กับกรมธนารักษ์เพื่อที่จะส่งมอบต่อให้กับพวกเราทุกคน
"คืนไม่ได้คืนให้เปล่าๆ เพราะว่าโครงการในการมอบสิทธิ์ในการเข้าใช้พื้นที่ในครั้งนี้ทางกองทัพบอกว่าจะแถมสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนด้วย พวกเราไปลงชื่อกันแล้วใช่ไหมว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร ทำการเกษตรหรือเป็นที่อยู่อาศัยและต้องการอะไรในพื้นที่เขาก็ให้เราเลือกว่าต้องการแหล่งน้ำต้องการขุดบ่อต้องการเจาะบาดาลหรือต้องการขึ้นแปลงทำถนนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทางกองทัพมีความพร้อม ผมต้องขอขอบคุณแทนพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะทหารหน่วยพัฒนาที่มีความพร้อมในการลงไปปรับพื้นที่หรือเตรียมรอให้เราเข้าสู่พื้นที่ได้แล้วทำให้สามารถประกอบอาชีพเดินหน้าต่อชีวิตได้ทันที ผมเรียนเลยว่าผมเป็น ส.ส.มา 20 ปีเห็นการต่อสู้ระหว่างรัฐกับประชาชนมาทุกรูปแบบ เรื่องของพื้นที่ราชพัสดุประชาชนไม่เคยสู้ชนะภาครัฐเพราะรัฐก็ปล่อยไม่ได้ ซึ่งกองทัพเองไม่มีความประสงค์ที่จะมีความขัดแย้งกับราษฎร ไม่มีความประสงค์ที่จะขัดแย้งกับคนในพื้นที่ แต่ด้วยกฎหมายด้วยกฎระเบียบจึงไม่สามารถที่จะส่งให้กับพวกท่านได้โดยตรง" นายจุลพันธ์ กล่าว
พร้อมกล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงสร้างโครงการขึ้นมาว่า เราต้องใช้วิธีด้วยการให้กองทัพคืนพื้นที่มาให้ธนารักษ์และให้ธนารักษ์มาทำสัญญากับราษฎร เพราะฉะนั้นนี่คือแนวทางออกในการแก้ไขปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในที่ดิน นี่คือแนวทางในการที่จะมอบสิทธิ์ให้กับพวกเราที่จะสามารถอยู่อาศัยทำมาหากินได้ 1 ซึ่งสิทธิ์ในวันนี้เราทำสัญญากัน 30 ปี ใน 30 ปีนี้ท่านสามารถทำประโยชน์ในพื้นที่ได้ หากท่านเสียชีวิตสามารถส่งมอบต่อให้กับทายาทหรือเมื่อถึงเวลาจะส่งมอบให้กับลูกลานก็สามารถทำโดยชอบธรรมได้ ทั้งหมดนี้เป็นช่องทางที่กฎหมายเปิดช่องให้กับพวกเรา เพราะฉะนั้นมันก็เท่ากับเป็นสิทธิ์ในการที่จะเข้าใช้ที่ดินเหล่านี้ โดยกรมธนารักษ์วันนี้เราปรับในเรื่องของกลไกต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาไม่มีถูกกว่านี้อีกแล้ว ราคาที่กำหนดมาอย่างเช่นเรื่องของทำพื้นที่การเกษตรเช่าเพียง 20 บาทต่อไร่ต่อปี ถ้าเป็นที่อยู่อาศัยเช่า 25 สตางค์ต่อตารางวาต่อปี ไม่มีถูกกว่านี้อีกแล้ว หากจะทำให้ราคาเช่าต่ำกว่านี้ก็ลำบากมาก
"สำหรับพี่น้องประชาชนให้เขารู้กันว่า วันนี้เรามาทำอะไรให้และถ้าท่านสามารถที่จะบอกกับเพื่อนๆที่อยู่ในหมู่บ้านและยังไม่เข้าสู่โครงการเชิญชวนเขาว่าวันนี้กรมธนารักษ์และกองทัพไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือพร้อมที่จะทำงานให้กับพวกเราพร้อมที่จะมาส่งมอบสิทธิ์ในการเข้าสู่ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนแล้ว"
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงเจตนารมในการส่งมอบที่ดินกองทัพให้กับประชาชนว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาก็เพื่อตั้งใจอยากแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี มีความมั่นคงในชีวิต ถามว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้างนั้นก็บอกเลยว่ามีหลายนโยบาย แต่หนึ่งนโยบายก็คือพี่น้องต้องมีที่ทำกินแล้วที่ทำกินนั้นจะต้องมีความมั่นคงแล้วที่ทำกินจะต้องเป็นที่ทำกินที่มีคุณภาพ เราหาที่ทำกินเพื่อจะนำมามอบให้ประชาชน หาเท่าไหร่ก็หายาก แต่ก็มาพบว่าที่ของทหารหรือกองทัพที่ยังพอมีอยู่บ้างก็หมายความว่าที่กองทัพเขาก็มีไว้ใช้ประโยชน์ในการตั้งหน่วยบ้างเอาไว้ฝึกบ้าง เมื่อที่เหลือจากการฝึกเราก็มาดูกันว่าตรงไหนพอที่จะแบ่งให้กับพี่น้องนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง
จึงเกิดนโยบายว่าจะเอาที่ทหารที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือที่ที่ยังไม่ได้ใช้มาให้พี่น้องได้ทำกินด้วยการเช่าจากกรมธนารักษ์โดยถูกต้องตามกฎหมาย ถามว่าทำไมต้องให้เช่าพี่น้องจะต้องเข้าในก่อนว่าที่ดินมันมีกฎหมายอยู่ สมมุติว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยากจะมอบให้แล้วส่งมอบให้กันไปเลย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็จะต้องติดคุก ดังนั้นจะต้องทำตามกฎหมาย
"เรื่องที่ดินต้องไปดูแผนที่ เพราะประเทศไทยของเรามีปัญหาเยอะมาในเรื่องที่ดินและมีปัญหาในทุกจังหวัดไม่ใช่เฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น มีทั้งเคสราษฎรบุกที่ดินของหลวง หลวงบุกที่ดินของราษฎร สุดท้ายไม่รู้ว่าใครบุกรุกใคร ซึ่งขณะนี้กำลังยุ่งกันอยู่หลายที่ ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ แม้แต่รัฐมนตรีเองก็ยังทะเลาะอยู่กับข้าราชการกรณีเกิดปัญหาที่ดินที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" นายสุทิน กล่าว
พร้อมกล่าวต่อว่า พี่น้องชาวกาญจนบุรีก็เช่นกันเท่าที่ได้ดูพบว่าที่ดินมีปัญหามากที่สุด เพราะมีทั้งที่ทหาร ที่กรมป่าไม้ ที่กรมอุทยานฯเป็นต้นทำให้มีพื้นที่ทับซ้อนกันและแก้ปัญหาดังกล่าได้ยากมากจนเป็นตำนาน ทำไมที่ดินของจังหวัดกาญจนบุรีจึงแก้ปัญหายากก็เพราะเมื่อในอดีตพวกเราสำรวจที่ดินกันง่ายๆ เพราะเจ้าหน้าที่ป่าไม้และ เจ้าหน้าที่ที่ดินรุ่นเก่า ไม่มีเครื่องมือในการนำไปตรวจสอบที่ดินว่า พื้นที่บริเวณไหนเป็นของกรมป่าไม้ เป็นของกรมธนารักษ์ แปลงไหนเป็นของกรมที่ดินและบริเวณไหนเป็นของชาวบ้าน เพราะไม่มีใครไปเดินรังวัดไม่มีใครไปเดินส่องกล้องวัด เพราะสมัยก่อนได้แต่นั่งคิดเอา นั่งปักเอาคิดเอาเองว่าตรงนี้คือที่ของใคร
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดในภายหลังก็คือที่ดินเกิดทับซ้อนจนมั่วกันไปหมดเพราะแต่ละหน่วยงานถือแผนที่กันคนละฉบับ ซึ่งที่ดินทั้งประเทศของจริงเลยคือมีอยู่จำนวน 350 ล้านไร่ แต่เมื่อไปตรวจสอบดูเอกสารของทั้งกรมที่ดิน กรมธนารักษ์ รวมทั้งเอกสารที่พี่น้องถืออยู่ ปรากฏว่ามีรวมกันมากกว่า 500 ล้านไร่ นั่นแสดงว่ามีการออกเอกสารทับซ้อนมากมากถึงครึ่งต่อครึ่งมันจึงเกิดปัญหาตามมา และจะไปโทษใครก็ไม่ได้ จึงเกิดข้อพิพาทกันขึ้นระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานรัฐ และมีการฟ้องร้องกันตามมา บางคดีมีการฟ้องร้อนกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับชาวบ้าน
ถามว่าแล้วทหารมายุ่งอะไรตรงไหนโดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีมีพื้นที่ทหารมากที่สุด เพราะในอดีตนั้นจังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่สงคราม เป็นพื้นที่ความมั่นคง เมื่อสงคราโลกครั้งที่ 2 จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ที่ดุเดือดมาก ขณะนั้นทหารจึงเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการสู้รบ เมื่อสงครามครั้งที่ 2 จบลงแล้วพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรียังเป็นพื้นที่ที่ยังคาราคาซังอยู่ ทหารก็ยังคงอยู่เพื่อดูแลพื้นที่ ซึ่งก็เป็นสามารถทำให้พื้นที่ทับซ้อนกันเยอะ
"แต่มาในวันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนแล้ว โดยรัฐบาลมีนโยบายทำให้มีแผนที่เพียงฉบับเดียว ที่หน่วยงานรัฐต่างๆเคยถือแผนที่คนละฉบับนั้นต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว โดยจะให้มีเพียงแค่ฉบับเดียวที่เรียกกันว่า วันแมป(One Map) เพราะถ้าวันนี้มีแผนที่เพียงฉบับเดียวก็คงจะไม่เกิดการทะเลาะกันอีกต่อไปแล้ว พอรัฐบาลมีนโยบายจะให้พี่น้องได้ใช้ที่ดิน เราก็คุยกับทหาร คุยกับกองทัพว่าคืนที่ให้กับกรมธนารักษ์หรือไม่ ซึ่งกองทัพไม่มีปัญหา ทั้งทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ รวมทั้งกองทัพไทย ต้องเอาแผนที่มาดูว่าตรงไหนคืนได้ก็ให้คืนเลย คืนให้พี่น้องประชาชน แต่การคืนพื้นที่ของกองทัพทหาร จะเอามาให้พี่น้องประชาชนเลยนั้นทำไม่ได้ เพราะเจ้าของตัวจริงคือกรมกรมต่างๆซึ่งเป็นคนดูแล แต่ที่นี่เจ้าของตัวจริงคือกรมธนารักษ์ ส่วนที่หนองบัวลำภูเจ้าของตัวจริงคือกรมอุทยานฯ และกรมที่ดิน ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ดินว่าเป็นของใครก็คืนให้คนนั้น แต่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ทหารจะต้องคืนที่ดินให้กับกรมธนารักษ์ก่อน จากนั้นก็ให้พี่น้องประชาชนมาติดต่อขอเช่าให้ถูกต้องกับกรมธนารักษ์ ต่อไป"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี