‘ชัยวัฒน์’แฉผู้ใหญ่
โทรเคลียร์ปมสปก.
ทับซ้อนเขตอุทยาน
ย้ำต้องรักษาผืนป่า
“ชัยวัฒน์”ยันไม่ยอมรับแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ลั่นต้องยึดแนวพระราชกฤษฎีกา ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว อย่ามาพูดแบบตกท้องช้าง ถ้ายังยืนยันแผนที่ฉบับนี้ถูกต้อง
ไปสู้กันในศาล รับมีผู้ใหญ่โทรเคลียร์ปมที่ส.ป.ก.ทับซ้อนอุทยานฯแต่ไม่คุย ไม่หวั่นอิทธิพลข่มขู่ เดินหน้าทำงานลงพื้นที่ 1 มีค.ก่อนนัดส.ป.ก.-อุทยานฯ4มี.ค. เคลียร์แนวทางให้ชัด ด้าน“สุทิน”ลั่นรบ.ต้องยึดOne Map ยุติปมขัดแย้งที่สปก.เขาใหญ่ ถ้าใครไม่เห็นด้วย ยื่นอุทธรณ์ได้หรือจบที่ศาลปกครอง
เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาในวันที่ 1 มีนาคม เพื่อตรวจพิสูจน์กรณีการจัดพื้นที่ส.ป.ก.ทับเขตอุทยานว่า มีหลายหน่วยงานไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่ตนร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังตนแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ทำความผิด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน จึงถือโอกาสให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ด้วย ซึ่งได้ประสานกับกรมป่าไม้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยครั้งนี้ เป็นการลงไปในพื้นที่ของกรมป่าไม้ ซึ่งสภาพเป็นภูเขาชัดเจน และการครอบครองไม่ใช่เกษตรกรแน่นอน ซึ่งในส่วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มทุน ดังนั้น วันที่ 1 มีนาคม จะนำเบาะแสมาต่อจิ๊กซอว์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการรุกล้ำจากส.ป.ก.เข้าไปในเขตที่ไม่ได้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินหรือไม่ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า มี แต่พอเราขอให้สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)นำหลักฐานมาแสดง กลับไม่ให้ดู แสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ถ้าส.ป.ก.ทำด้วยความตรงไปตรงมา ต้องการจัดสรรที่ให้คนยากไร้ ไม่มีที่ทำกิน เราจะแสดงความยินดีให้เกษตรกรรายนั้น แต่เขาไม่แสดง ส่อถึงความไม่ปกติ เราจึงอยากให้เขานำเสนอข้อมูลด้านนี้ด้วย แต่อย่างที่เห็น ขออะไรไปก็ไม่ได้สักอย่าง
ถามถึงเหตุผลที่ไม่ยอมรับแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ตอนจัดทำอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราไม่ได้ไปบอกกรมแผนที่ทหารมาเป็นกรรมการของเรา หรือเป็นคนมาตรวจแผนที่เรา แต่เราดำเนินการตามสภาพพื้นที่ป่า ตามแนวทางพระราชกฤษฎีกา พ.ร.บ.ป่าสงวน พ.ร.บ.ป่าไม้ กฎหมายเหล่านี้เกิดก่อนคนอื่น ดำเนินการเองทั้งสิ้น และกรมแผนที่ทหารก็ไม่ได้มาจัดการเรื่องนี้
“กรมแผนที่ทหารมีหน้าที่ทำหมุดแนวพื้นที่ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ แล้วจะมาบอกว่าอันนี้ใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งผมว่าแบบนี้ไม่ใช่ แล้วการถ่ายทอดจากหนังสือรังวัดนั้น ต้องมาจากการลงพื้นที่จริง ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมพูดไป มืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญที่อ่านภาพถ่ายเป็นเขาจะรู้เลยว่าใครผิดใครถูก แต่สิ่งที่เขาทำนั้นพูดไม่หมด ถ้ากรมแผนที่ทหารเอาแผนที่ทั้งด้านนอก ด้านในมาให้ดูให้หมด ผมก็ยอมรับได้ แต่ถ้าพูดแบบตกท้องช้าง แล้วสรุปว่าเป็นที่ส.ป.ก. แบบนี้ไม่ได้ การทำครั้งนี้ต้องยึดแนวพระราชกฤษฎีกา อย่ามาเถียงกับเราแบบนี้ ถือว่าไม่อย่างนั้น แผนที่ฉบับนี้มันเอื้อประโยชน์ให้ผู้ทำความผิดหรือไม่ ผมขอถามกลับ ถ้ายังยืนยันว่า แผนที่ฉบับนี้ถูกต้อง คงต้องไปสู้กันในชั้นศาล”นายชัยวัฒน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนที่ one map จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ต้องพูดถึงกรรมการก่อน เพราะกรรมการก็มาจากปฏิรูปที่ดิน ทั้งเลขาฯหรือคนอื่นก็มาจากส.ป.ก. ทั้งนี้ คณะกรรมการต้องยอมรับแนวเขตการทำพื้นที่ส.ป.ก. ต้องทำแผนผัง และจะเขียนอะไรก็แล้วแต่ ต้องเพิกถอนออกจากเขตอุทยานแห่งชาตินั้นๆก่อน ถึงจะทำแผนที่หรือแนวเขต หรือวางผังของส.ป.ก.ได้
ถามว่า ส.ป.ก.กับอุทยานฯยังสามารถคุยกันได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์เผยว่า วันที่ 4 มีนาคมเชิญผู้แทนทั้งสองหน่วยงานมาคุยกันว่าจะทำอย่างไร และให้ชัดเจนว่าส.ป.ก.ใช้แนวคิด หรือระเบียบอะไรทำ แล้วระเบียบนั้นได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ที่ต้องถกกันให้สิ้น โดยการหารือจะรวมผืนป่าอนุรักษ์ทั้งประเทศ รวมถึงป่าไม้ด้วย
ถามอีกว่าการเดินหน้าเรื่องนี้แล้วกลัวจะมีปัญหาอิทธิพลหรือเกิดอันตรายหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ แต่ถามว่ามีกลัว มีท้อหรือไม่ ก็ตอบว่ามี แต่ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพตนซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ป่า ตนก็ต้องปกป้องป่า ลูกน้องตนเดินป่าเกือบเป็นเกือบตายเพื่อปกป้องป่า ตนออกมาสู้ตรงนี้คนเดียวถือว่าคุ้ม แม้ว่าจะเสี่ยง แต่ทุกคนเท่ากัน กินข้าวเหมือนกัน ไม่มีใครบินได้ เเสี่ยงเท่ากันหมด
นายชัยวัฒน์ยังยืนยันชัดเจนว่า ถ้าจะร้องเรียนตน หรือจะเอาตนให้ตายต้องร้องเรียนเรื่องการทุจริตรับเงิน ทุจริตเรื่องการเงิน รับเงินโดยมิชอบ รับสินบนจากใครมา หรือทุจริตหน้าที่การงาน ทำลายตนได้เต็มที่ ไม่ใช่เรื่องบกพร่องในหน้าที่เล็กๆ แล้วเอามาเป็นประเด็น แบบนี้ไม่แฟร์ ส่วนปัญหาส.ป.ก. เกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่นั้น มันเกี่ยวพันธ์กันหมด เพราะเป็นเรื่องในระบบเดียวกัน จะบอกว่าไม่เกี่ยวไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ มีนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มทุนใหญ่ก็มี แบ่งได้ 4 ก้อน ถ้าสิ่งที่ตนพูดแล้วไปพาดพิงคนที่ไม่ได้ทำ ตนต้องขอโทษ แต่ใครที่ทำแล้วเรามีเส้นทางที่ไปถึงเราก็พร้อมเปิดอยู่แล้ว วันที่ 1 มีนาคมนี้ขอไปคุยก่อน
ถามว่า มีผู้ใหญ่ติดต่อมาล็อบบี้หรือไม่ ให้หยุดเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยวัฒน์กล่าวยอมรับว่า มีคนโทรมา แต่ตนไม่คุย ส่วนการทำงานที่เหลืออยู่ 7 เดือนก็ต้องทำเต็มที่ ขอทุกคนช่วยกัน
ด้านนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยวัฒน์มีท่าทีไม่ยอมรับแผนที่ของกรมแผนที่ทหารว่า ก็เป็นไปได้ ที่ผ่านมามีปัญหามากในเรื่องที่ดินของไทยที่ถือคนละฉบับวันนี้จึงมาปูดขึ้น ปัญหาแบบนี้ต้องหาแผนที่สักฉบับเป็นตัวยึด จึงเรียกว่า One Map หากได้ข้อสรุปแล้ว เป็นแผนที่เดียวก็ต้องยอมรับว่าอะไรอยู่ตรงไหน ถ้าไม่ยอมรับก็มีกระบวนการอุทธรณ์ ในที่สุดก็ต้องมีกระบวนการยุติ ซึ่งตนคิดว่ายุติที่One Map ดีที่สุด ส่วนจะยอมรับหรือไม่ ก็มีกระบวนการอุทธรณ์ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ขณะนี้กรมแผนที่ทหารถูกนำไปเป็นคู่ขัดแย้งกับสององค์กรคือ ส.ป.ก.-กรมอุทยานฯเหมือนว่าจะไปเข้าข้างอีกฝั่งหนึ่ง นายสุทินระบุว่า ตนคิดว่าก็เกิดขึ้นได้กับทุกกรณี ที่คนไปตัดสินจะถูกกล่าวหาได้ แม้แต่ศาลจึงมีกฎหมายไม่ให้วิจารณ์ศาล ส่วนกรมแผนที่ทหารถ้าวิจารณ์ได้คนก็คิด อย่างไรเสียก็จะมีกระบวนการจะอุทธรณ์หรือศาลปกครอง แต่สุดท้ายก็จบอยู่ และยืนยันว่า One Map ไม่ได้ยึดฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ซึ่งจะยึดจากข้อมูลในอดีตและปัจจุบันก่อนนำแผนที่มาดูประมวลภาพถ่ายในอดีตมาทั้งหมด ไม่ได้ยึดอะไรเป็นอันใดอันหนึ่ง ซึ่งใช้ข้อมูลจากทุกแหล่ง ถึงเป็นข้อสรุปที่มาเป็น One Map พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลต้องยึด One Map ถ้าไม่มีอะไรให้ยึดสักอย่างก็ไม่จบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี