ภูเก็ตจ่อเพิกถอนวีซ่าฝรั่งเตะหมอ รอผลตรวจเอกสารสิทธิที่ดิน
วันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น.ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวถึงกรณีที่ รมว.มหาดไทยมีคำสั่งให้จังหวัดภูเก็ตดำเนินการตรวจสอบมาเฟียต่างชาติในพื้นที่นั้น ขณะนี้โดย ผวจ.ภูเก็ตได้สั่งการนายอำเภอทั้ง 3 อำเภอและหน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่าใครเข้าข่ายมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลในการคุกคามข่มขู่ผู้ประกอบการที่ผิดกฎหมายต่างๆ โดยให้เร่งตรวจสอบและขึ้นบัญชีมาเฟีย และให้แต่ละอำเภอรีบรายงานมา เพื่อจะมีการดำเนินการต่อไป โดย ผวจ.ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองในการเพิกถอนวีซ่าชาวต่างชาติที่มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยชุดคณะกรรมการชุดนี้จะพิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเสนอให้ในส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ต่อวีซ่าหรือเพิกถอนวีซ่า ตลอดจนขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้มีการกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีนายเดวิด นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว ว่า หากดูตามสื่อต่างๆ ที่มีการนำเสนอข่าวน่าเข้าข่าย มาเฟีย เพราะมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม ทำให้ผู้อื่นเกิดความ หวาดกลัว และให้ตรวจสอบต่อว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ และจากการสอบถามไปยังตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พบว่า นายเดวิด อยู่ในภูเก็ตได้นั้นใช้วีซ่านักธุรกิจที่เข้ามาลงทุน และจดทะเบียนมูลนิธีในภูเก็ต ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตได้ทำ หนังสือตรวจการจดทะเบียนมูลนิธีไปยังนายทะเบียนว่า ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากดำเนินการไม่ ถูกต้องและไม่มีการเคลื่อนไหว จะต้องเพิกถอนการจัดตั้ง มูลนิธิ โดยนายทะเบียนจะต้องทำหนังสือถึงอัยการเพื่อขอ ให้ศาลเพิกถอนมูลนิธิ และในส่วนของการประกอบธุรกิจ ปางช้าง กำลังตรวจสอบว่าดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมาย กำหนดหรือไม่ และวีซ่าที่ตรวจสอบไปทาง ตม.ภูเก็ต ทราบ ว่าจะครบกำหนดในวันที่ 13 มี.ค.นี้ จะพิจารณาว่าจะต่อ วีซ่าหรือไม่ ประเภทไหนอย่างไร แต่ถ้าการพิจารณาคดีเสร็จ หลัง 13 มี.ค.นี้ จะต้องต่อวีซ่าเป็นผู้ต้องหาในคดี
ส่วนกรณีเรื่องปัญหาที่ดินในพื้นที่นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวด้วยว่า ปัญหาที่สาธารณะ ขอยืนยัน ต้องเป็นสมบัติของพี่น้องชาวไทยทุกคนสามารถเข้าไปใช้ได้ ไม่มีผู้ใดจะสามารถยึดถือครอบครอง ส่วนที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุการณ์และเป็นประเด็น ขณะนี้เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนบันไดหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำที่สาธารณะ ให้มีการรื้อถอนภายใน 30 วัน โดยมีคำสั่งเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อครบ 30 วัน ไม่มีการรื้อถอน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะเข้าไปรื้อถอนเองและเรียกร้องค่าเสียหายในการดำเนินการได้ ส่วนหลักฐานในที่ดิน ได้ให้กรมที่ดินตรวจสอบหลักฐานต่างๆว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร และถ้าที่มาของที่ดินไม่ถูกต้องก็จะมีการพิจารณาตามกระบวนการของหลักฐานในที่ดินต่อไป จังหวัดยังคงยืนยันในการให้ความเป็นธรรมและยืนยันที่จะคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของคนไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี