"บิ๊กหลวง" รวบแก๊งบิ๊กไบค์ ตีเนียนสายโร้ดทริป ขนยาบ้ากว่า 1.8 ล้านเม็ด จากเหนือส่งขายภาคกลาง ยึดทรัพย์รวม 7 ล้าน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มี.ค.67 ที่สำนักงาน กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด( ป.ป.ส.) ดินแดง กทม. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.สมจริง กอรี รอง ผบ.หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ. จว.เชียงราย พ.อ.สุชาติ ไวติดต่อ หน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก น.ท.จักรกฤษณ์ นาคเทวัญ สำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ ร่วมกันแถลงผลจับกุมแก๊งบิ๊กไบค์ ผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จำนวน 6 คัน ขบวนคาราวานลักลอบขนยาบ้าจากพื้นภาคเหนือ ใน จ.เชียงราย โดยพบว่ารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มีการดัดแปลงกล่องซุกซ่อน และของกลางยาบ้ากว่า 1,890,000 เม็ด ทั้งยังมีการขยายผลพบความเชื่อมโยงกับนายทุนใหญ่ในภาคกลาง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันเสาร์ที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับแจ้งเบาะแสร้องเรียนยาเสพติดผ่านสายด่วน 1386 จากพลเมืองดีในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยแจ้งว่าพบกลุ่มรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์มาพักอยู่ที่โรงแรมในพื้นที่ตัวเมือง จ.เชียงราย ขับรถเสียงดังรบกวนช่วงกลางดึก คาดว่าจะมีการรวมกลุ่มมั่วสุมเสพยาเสพติด และต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยใช้การอำพรางเป็นคาราวานท่องเที่ยว ซึ่งผู้แจ้งเบาะแสพบเห็นกลุ่มรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดังกล่าว เข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงราย เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง และมักจะเดินทางออกจากพื้นที่ในช่วงเวลาเข้ามืด ผิดปกติจากบุคคลทั่วไป ตนจึงได้สั่งการให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายเจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 2 (จ.เชียงราย) ร่วมกับ นบ.ยส.35, ฝขว.ศ ปก.ทบ. กก.สส.ภ.จว.เชียงราย, บก.ปส.3 บช.ปส., ขกท.กกล.ผาเมือง, บก.สส.ภ.5, ชุดสกัดกั้นยาเสพติด ภ.5 ชุดปฏิบัติการ ศอ.ปส.ทร และ ขกท.ศปก.ทภ.3 ทำการสืบสวนพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามเบาะแสร้องเรียน โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกระจายกำลังค้นหากลุ่มรถจักรยานยนต์ Big Bike ต้องสงสัย บริเวณพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย กระทั่งพบกลุ่มรถจักรยานยนต์ลักษณะตามแจ้งจำนวน 6 คัน มีชายวัยรุ่นและชายวัยกลางคน เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ Big Bike ลักษณะมีโครงเหล็กพร้อมติดตั้งกล่องบรรทุกสิ่งของ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าพักที่รีสอร์ตในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 มี.ค. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา 6 รายพร้อมของกลางยาบ้า 1,890,000 เม็ด ซุกซ่อนในอุปกรณ์พ่วงข้างรถจักรยานยนต์ Big Bike จำนวน 5 คัน โดยซุกซ่อนยาบ้าคันละ 370,000 - 380,000 เม็ด ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าได้รับค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติด รวมจำนวน 1 ล้านบาท และลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง เตรียมนำยาเสพติดไปส่งในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจากการสืบสวนเชื่อว่ายาเสพติดได้ถูกลำเลียงมาจากพื้นที่บ้านชนเผ่ามูเซอ กะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกี่ยวข้องจำนวน 10 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ชลบุรี, กทม., จ.สมุทรปราการ, จ.พิจิตร ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลกว่า 7 ล้านบาท ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 6 คัน ทองคำน้ำหนักรวม 42 บาท และอายัดเงินในบัญชีธนาคาร 217,000 บาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า การจับกุมดังกล่าวถือเป็นลักษณะการกระทำความผิดรูปแบบใหม่ โดยขบวนการลำเลียงยาเสพติดจะอำพรางเป็นคาราวานท่องเที่ยวใช้ยานพาหนะประเภทรถจักรยานยนต์ Big Bike ติดตั้งโครงเหล็กพร้อมบรรทุกกล่องสิ่งของ เพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติดได้ประมาณเกือบ 4 แสนเม็ด และไปลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้ามาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งที่ผ่านมารถจักรยานยนต์ไม่ได้เป็นยานพาหนะต้องสงสัยที่ใช้ในลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากระดับล้านเม็ด ถือได้ว่าความสำเร็จของคดีดังกล่าว เกิดจากประชาชนแจ้งเบาะแสร้องเรียนยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตนขอบคุณประชาชนที่แจ้งเบาะแส คดีดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่ดีของทุกๆ ฝ่าย ทั้งภาคประชาชนที่ไม่นิ่งนอนใจเมื่อพบเหตุต้องสงสัยและเจ้าหน้าที่ภาครัฐก็ตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของประชาชนอย่างรวดเร็ว และร่วมมือกันจนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ภาคใต้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปภาคใต้ เนื่องจากในอดีตมีเพียงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปประชุม ครม. ที่ภาคใต้ กระทั่งมีนายกฯ เศรษฐา เดินทางไปอีกครั้ง ถือว่าประชาชนมีความเชื่อมั่น อีกทั้งสิ่งที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้นก็คือการที่ไม่เห็นเจ้าที่ตำรวจจำนวนมากมาคอยต้อนรับ หรือทหารต้องมาสวมเครื่องแบบ รวมถึงการตั้งด่าน เพราะการไปในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีต้องการไปแบบคนธรรมดา ถือได้ว่าท่านมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนไปนอนค้างคืน ส่วนเรื่องการพูดคุยสันติภาพของนายกฯ ที่มีการไประบุกันว่าไม่มีการพูดถึงนั้น ตนขอชี้แจงว่าตนได้รับทราบจากคนในพื้นที่พบว่าในยุคของนายกฯเศรษฐา ถือว่าการพูดคุยสันติภาพมีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยเฉพาะที่สำคัญคือ มัสยิดกรือเซะ คนที่จะเข้าไปเยี่ยมได้นั้นจะต้องมีความกล้าหาญ เพราะสถานที่แห่งนี้มีบาดแผลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 การที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าไปทำให้คนที่เกี่ยวข้องมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก และที่สำคัญตนไม่อยากให้เอาวาทกรรมมาพูดให้คนแก้แค้นกัน อยากให้เข้าใจว่าสันติภาพคือการพัฒนาชีวิต พัฒนาคุณภาพคนให้ดีขึ้น และพัฒนาให้เท่าเทียมวันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีได้แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านทำเต็มที่
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงผลการจับกุมโดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าระหว่างการพักโทษที่ผ่านมาได้เดินทางเข้าเยี่ยมหรือไปขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดหรือไม่ เพราะในสมัยที่นายทักษิณดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เคยประกาศสงครามกับยาเสพติดและทำได้สำเร็จ ว่า ตนยังไม่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมหรือขอคำปรึกษานายทักษิณเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ อดีตที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่ดี ซึ่งขณะนี้ก็ได้ย้อนดูบทเรียนในอดีตต่างๆ เพื่อมาปรับใช้แก้ปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน รวมถึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆที่ดีเข้ามาใช้แก้ปัญหาร่วมด้วย อีกทั้งกระทรวงยุติธรรมมีคณะทำงานที่คอยถอดบทเรียนการแก้ปัญหายาเสพติดที่สำเร็จในอดีต คอยทำหน้าที่ในเรื่องนี้อยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี