"พ.ต.อ.ทวี" ผลักดันมติครม.เห็นชอบไทยเข้าเป็นภาคี"อนุสัญญาอุ้มหาย" สร้างหลักประกันสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐานสากลให้กับประชาชน
วันที่ 12 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้(12 มี.ค.)คณะรัฐ มนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ไทยจัดทำข้อสงวนต่อข้อบทที่ 42 (การนำข้อพิพาทระหว่างรัฐเข้าสู่การพิจารณาโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ) เพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญ ญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบัง คับให้หายสาบสูญ หรืออนุสัญญาอุ้มหาย (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced Disappearance : ICPPED) และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำข้อสงวนฯดังกล่าว พร้อมทั้งดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ต่อไป โดยการจัดทำข้อสงวนตามข้อบทดังกล่าว มีสาระสำคัญ คือ การปฏิเสธไม่ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (The international Court of Justice) มีเขตอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้จัดทำข้อสงวนนี้ไว้ในอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนทุกฉบับที่ไทยเป็นภาคี
รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้ม ครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบอนุสัญ ญาฯ ได้ผลักดันให้ประเทศไทยลงนามรับรองอนุสัญญาฯ ตั้งแต่ปี 2555 จากนั้นได้ผลักดันการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯเรื่อยมา จนกระทั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2560 เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ เมื่อมีกฎหมายภายในรองรับครบถ้วนแล้ว ดังนั้น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระ ทรวงยุติธรรม จึงร่วมกับทุกภาคส่วนจัดทำพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาอุ้มหายได้
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า อนุสัญ ญาอุ้มหาย ประกอบด้วย 45 ข้อบท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลที่กระทำในนามเจ้าหน้าที่รัฐบังคับบุคคลให้หายสาบ สูญ(อุ้มหาย)ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ รัฐต้องกำหนดให้การกระทำให้บุคคลสูญหายเป็นฐานความผิดตามกฎหมายอาญา กำหนดโทษของความผิดดังกล่าวให้สมกับความร้ายแรง กำหนดให้การอุ้มหายเป็นความผิดที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ตลอดจนกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและจัดให้เหยื่อและสมาชิกในครอบครัวได้รับทราบความจริง และได้รับการเยียวยาและชดเชยอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาอุ้มหาย จะเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย สร้างหลักประกันความปลอดภัยให้กับสังคม และสร้างความเชื่อมั่นด้านสิทธิมนุษยชนของไทยต่อประชาคมระหว่างประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี