จดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียน นำมาสู่การคลี่คลายคดีโดยลายมือของเด็กสาวมีอายุ 12 ปีมีข้อความถึงผู้เป็นพ่อและพี่ชายต่างมารดาว่า“หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” หลังครูประจำชั้นพบความผิดปกติ ผู้เสียหายยอมบอกเล่าเรื่องราวกับครูประจำชั้นว่า ถูกพ่อและพี่ชายต่างมารดากระทำอนาจารทุกวันเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่เธอ 8 ขวบ จนถึงปัจจุบัน
13 มี.ค.67 จากกรณี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวคดีพ่อและพี่ชายต่างมารดากระอนาจารด.ญ.วัย 12 ปี โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายปฏิภาณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 885/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค. 67 ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าร้านค้า ซ.ประชาสงเคราะห์ 27 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ จดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียนที่น่าเศร้า นำมาสู่การคลี่คลายคดี “หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” ข้อความในเศษกระดาษบรรยายความรู้สึกเกินรับไหวของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนหญิงวัย 12 ปี ถูกขยำทิ้งลงในถังขยะหลังห้องเรียนพร้อมใบหน้าใบเปื้อนน้ำตา เหตุการณ์ช่วงสั้นๆ เตะตา ผู้เป็นพ่อและพี่ชายเต็มหน้ากระดาษ ครูสาวคว้าตัวเด็กหญิงเอมาเกลี้ยกล่อมจนเธอค่อยๆ ถ่ายทอดความทรงจำอันเลวร้ายที่เธอต้องอยู่ในสภาพ “ตกนรกทั้งเป็น” เริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปี 2562 ตอนที่เธออายุได้เพียง 8 ขวบ เธอต้องอาศัยอยู่กับ “พ่อ” และ “พี่ชายต่างมารดา” โดยเธอจะถูก“พ่อ”กระทำอนาจารเป็นประจำทุกวัน
โดยทุกการกระทำของเธอ มักจะถูกคนในครอบครัวพูดว่า “ต้องเอาร่างกายมาแลก” และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ “พี่ชาย” ก็ร่วมวงทำเลียนแบบเช่นเดียวกับที่พ่อทำกับเธอมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 4 ปี เมื่อครูที่ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากเธอ ได้ฟังแล้ว ได้ พาตัว ด.ญ.เอ ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมาสู่การแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ซึ่งหลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก็ขออนุมัติศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน คือ นายพรชัย (สงวนนามสกุล) พ่อแท้ๆและนายปฏิภาณ (สงวนนามสกุล) พี่ชาย ซึ่งหลังเจ้าตัวทราบว่า ถูกดำเนินคดีก็หอบข้าวของออกจากเมืองกรุง แต่ก็ยังไม่วายพยายามหาช่องทางที่จะคุกคามเหยื่อ โดยพบว่ามีบางครั้งปลอมตัวเป็นทนายความบุกไปที่โรงเรียนของ ด.ญ.เอ อีกด้วย
เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทันที โดยสืบทราบว่าตัว นายพรชัยฯ และ นายปฏิภาณฯ ได้หลบหนีไปอยู่ละแวกภาคเหนือตามภูมิลำเนาเดิม (ชนเผ่าม้ง) ชุดสืบสวนจึงวางกำลังสะกดรอยติดตามกว่า 1 สัปดาห์ จนล่าสุดได้เบาะแสว่า นายปฏิภาณฯ ผู้เป็นพี่ชาย ของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กลับเข้ากรุงเทพฯ ขับรถลงจากเมืองเหนือ มุ่งหน้ากลับบ้านพักซึ่งเปิดเป็นร้านขายทุกอย่าง 20 บาท ที่ย่านประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ ชุดจับกุมจึงวางกำลังซุ่มโปร่งจนได้จังหวะยืนยันตัวคนร้ายกำลังจะหลบหนีออกทางด้านหลังร้าน พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงนำกำลังที่ซุ่มโปร่งอยู่บุกเข้าไปจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของ "ผู้เป็นพ่อ"ที่ถูกออกหมายจับด้วยคือ นายพรชัย อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 886/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค. 67 ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด”
นอกจากนี้ ยังพบประวัติของนายพรชัย พ่อของเหยื่อว่าเคยถูกดำเนินคดี 2 คดี คือ 1.ปี 2563 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” พื้นที่ สภ.เทิง อ.เทิง จ.เชียงราย (ขบวนการค้ายาเสพติดของชาวเขากลุ่มม้ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 6 ล้านเม็ด)
2.ปี 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” พื้นที่ สภ.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ซึ่งทราบข้อมูลว่าหลบหนีอยู่พื้นที่ภาคเหนือ อยู่ระหว่างทำการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี
ในชั้นจับกุม นายปฏิภาณฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ยอมรับว่าเป็นพี่ชายต่างมารดาจริง และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เติบโตด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่น้องสาวของตน มโนไปเอง สร้างเรื่องให้ตนกับพ่อถูกดำเนินคดี”หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ด้านพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นเชื่อมโยงทำให้ศาลอนุมัติหมายจับทั้งพ่อและพี่ชายรายนี้ จากพฤติการณ์ในคดีนี้นับว่า น่าหดหู่ใจอย่างยิ่งของ สถาบันครอบครัวที่น่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน
"ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุข ในวันข้างหน้า ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งเรายืนยันว่าจะพลิกแผ่นดิน ตามล่าคนร้ายที่เหลือรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว "พล.ต.ท.ธิติ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี