เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายชัชกร อรรณพเพ็ชร รองผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 8 และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวเนื่องภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 9 จุด และลงพื้นที่ตรวจสอบการถือครองเอกสารสิทธิ์และการเชื่อมโยงธุรกิจวิลล่า ที่หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง โดยทุกจุดเข้าร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมธุรกิจการค้า กรมท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยว และ ตม.เพื่อการทำงานบรูณาการร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และติดตามการปฏิบัติงานของกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินพื้นที่แหลมยามู ที่มีเหตุสงสัยว่ากระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่วันนี้เห็นว่ามีเหตุสงสัยที่จำเป็นต้องทำการสืบสวนการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์บริเวณแหลมยามู เนื่องจากจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสภาพความเป็นป่าและการทำประโยชน์จริงหรือไม่ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกเอกสารสิทธิ์ โดยดำเนินการตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน หากเข้าข่ายก็จะรับไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป ส่วนกรณีที่มีชาวต่างด้าวตั้งบริษัทนอมินีเพื่อประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายนั้น ได้กำชับให้กองคดีความมั่นคงสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องปรามกรณีนอมินีต่างชาติให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะร่วมกับ จ.ภูเก็ต ขับเคลื่อนนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีอนุทิน และ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ในการทำหน้าที่เฝ้าระวัง และปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยกับความมั่นคงประเทศ รวมทั้งมุ่งรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคนรุ่นหลัง คืนภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย ไร้อิทธิพล
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนั้น คณะได้เดินทางลงพื้นที่แหลมยามู ดูสภาพพื้นที่จริง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้ลงพื้นที่ปฎิบัติการล่วงหน้าได้รายงานคณะว่า พื้นที่เดิมเป็น สค.1 ซึ่งเป็นของชาวบ้านรายหนึ่ง เนื้อที่ประมาณ 63 ไร่ และมีการออกเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 เป็นเนื้อที่ประมาณ 98 ไร่ ในเวลาต่อมาได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับนายทุนใน จ.ภูเก็ต รายหนึ่ง และมีการดำเนินการออกเป็น น.ส.3 ก.และมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนประมาณ 106 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ เป็นรายเดียวกับผู้ที่ออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.ทับที่ดินเกาะนาคาน้อย ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิด และส่งอัยการสูงสุดฟ้องเอาผิดทางอาญา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันที่ดินแหลมยามูได้แบ่งขายให้ชาวต่างชาติ และมีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินแล้วจำนวนหนึ่ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี