คปท.บุกกรมราชทัณฑ์
จี้นำ‘แม้ว’กลับคุก
ย้ำหลักฐานชัดป่วยทิพย์
มีการเอื้อประโยชน์นักโทษ
‘อุ๊งอิ๊ง’นำพท.เยือนเขมร
กระชับความสัมพันธ์ระรื่น
“คปท.มาตามนัดบุกกรมราชทัณฑ์ ขอให้นำตัวเทวดาทักษิณ กลับไปขังคุกหลังพบว่าป่วยทิพย์ ด้าน “อุ๊งอิ๊ง”นำทัพเพื่อไทย พบพรรคประชาชนกัมพูชากระชับความสัมพันธ์ ย้ำพรรคการเมืองเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือของ2ชาติ
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่กรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.นนทบุรี กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) , ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มกองทัพธรรม จำนวน 150 คน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล , นายอานนท์ กลิ่นแก้ว , ดร.ใจเพชร แก้วจน และนายนัสเซอร์ ยีหมะ เดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์
โดยกลุ่มต่างๆ เคลื่อนขบวนมาจากเวที คปท. สะพานชมัยมรุเชษฐ์ มีรถขยายเสียง จำนวน 1 คัน พร้อมรถยนต์ รถจักรยานต์ รวมกว่า 50 คัน เมื่อมาถึงหน้ากรมราชทัณฑ์ กลุ่มได้ปราศรัยกล่าวโจมตีกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ว่าใช้กระบวนการเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ซึ่งมวลชนบางส่วนได้ใช้บริเวณภายในกรมฯ นั่งพักชั่วคราว โดยมีป้ายกล่าวโจมตี เช่น กล้าทำชั่วแต่ไม่กล้าติดคุก มีการอ่านข้อเรียกร้อง มีมวลชนมีอารมณ์ร่วมในการปราศรัย ใช้เวลาปราศรัยประมาณ 2 ชม.โดยวัตถุประสงค์ของกลุ่ม มี 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1.จากกระบวนทางกฎหมายที่ผ่านมา จน นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ ถือว่านายทักษิณ ไม่เคยได้รับโทษเลย
จี้นำเทวดาแม้วกลับเข้าคุก
2.ช่วงเวลาที่นายทักษิณฯ พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ถือว่าเป็นการหลบเลี่ยงโดยอาศัยช่องทางทางกฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นการจำคุก 3.หลังจากที่นายทักษิณ อ้างว่าพักรักษาตัว จำนวน 180 วัน ไม่นับว่าเป็นวันจำคุก เสมือนไม่เคยจำคุกเเม้เเต่วันเดียว จะนับเป็นวันจำคุก เพื่อพักโทษได้อย่างไร 4.รายงานทางการเเพทย์ทุกฉบับของนายทักษิณ ล้วนเป็นรายงานเท็จ ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการพักโทษได้ 5.จากข่าวสารที่ปรากฎตามสื่อ เป็นบทพิสูจน์แล้วว่านายทักษิณ ไม่เคยมีอาการป่วย แล้วคณะกรรมการพักโทษ จะถือว่าเป็นอาการป่วย เพื่อเป็นตัวชี้วัด ให้นายทักษิณฯพักโทษได้อย่างไร 6.กรมราชทัณฑ์ ต้องนำตัวทักษิณฯมาจำคุกให้ถูกต้อง หากกรมฯ ไม่ดำเนินการจะถือว่ากระทำผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ต่อมาเมื่อเวลา 12.20 น. นายไพรัตน์ ขมินทกูล ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับหนังสือแทนผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ได้เป็นตัวแทนกรมฯ มารับหนังสือ
จากนายพิชิต แกนนำมวลชน กล่าวว่า วันนี้ที่มายื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ เนื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร จะเห็นได้ว่าไม่ป่วยจริงสามารถเดินทางไปต่างจังหวัดเชียงใหม่ได้ นักโทษคนนี้ยังไม่เคยเข้าคุกเลยแม้แต่วันเดียวดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตามที่ศาลได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว วันนี้จึงมายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อให้มีการพิจารณาทบทวนมติของคณะกรรมการพักโทษนายทักษิณ และให้นำตัวเข้าเรือนจำโดยเร่งด่วน
ด้าน นายไพรัตน์ ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของกรมราชทัณฑ์มารับหนังสือเนื่องจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีราชการต่างจังหวัด ดังนั้น ตนเองจะรับหนังสือดังกล่าวไว้ โดยจะต้องดูเนื้อหารายละเอียดของหนังสือว่ามีคำร้องทุกข์และความต้องการอะไร เพื่อที่จะนำเรียนเสนอผู้บริหารรับทราบต่อไป
หลังจากนั้นมวลชนได้เดินทางกลับไปยังสะพานชมัยมรุเชษฐ์ พร้อมกันนี้ แกนนำได้แจ้งว่า ในวันที่ 19 มีนาคม จะเดินทางมายื่นหนังสือที่สำนักงาน ป.ป.ช.ต่อไป
เชื่อคุก-รพ.ตำรวจงานเข้า
นายจตุพรพรหมพันธ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุนายทักษิณ ไปเชียงใหม่ไร้อาการป่วย จากนี้ไปความซวยจะมาเยือนกรมราชฑัณฑ์ และ โรงพยาบาลตำรวจ
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สว.ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ปปช.ไตรสวนนายกรัฐมนตรี รมว.ยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากกรณีนายทักษิณไปเชียงใหม่ ที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าป่วยจริงจนได้รับการพักโทษหรือไม่
“บุ้ง”ผิดหวังแม้วสิ้นศรัทธา
เพจเฟซบุ๊ก “ทะลุวัง โพสต์ข้อความจากจดหมายของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ส่งจากเรือนจำ โดยระบุถึงนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย มีใจความว่า...ด้วยวิธีการที่คุณเลือกจะกลับบ้านคือการเอาเสียงของประชาชนไปแลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจดหมายของบุ้ง ถึงนายทักษิณได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง ทั้งยังตำหนิที่ไม่ยอมทวงความยุติธรรมให้กับคนเสิ้อแดง
“อุ๊งอิ๊ง”นำทัพเยือนเขมร
วันเดียวกัน คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เข้าพบ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา โดยมี นาย ฮุน มานี รัฐมนตรีกระทรวงข้าราชการพลเรือน ให้การต้อนรับที่สนามบิน
ทั้งนี้ การมาเยือนกัมพูชาในครั้งนี้เป็นการประชุมในระดับพรรคการเมือง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนกัมพูชา ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าการกระชับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือ และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างดีขึ้นตามลำดับ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเชิญจาก ฯพณฯ อดีตนายกฯ ฮุนเซ็น ให้มาเยือนกัมพูชา พร้อมแสดงความยินดีในโอกาส ฯพณฯ นายกฯ ฮุน มาแนต ที่ได้เข้ารับตำแหน่ง ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำของรัฐบาลไทยขณะนี้ มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำงานร่วมกับพรรคของ ฯพณฯ ฮุนเซ็น และรัฐบาลของ ฯพณฯ ฮุน มาแนต เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย - กัมพูชา ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยพื้นฐานความใกล้ชิดระหว่างทั้งสองพรรคเป็นต้นทุนเดิมที่สำคัญ เพราะเชื่อว่าการสร้างความใกล้ชิดและความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศผ่านกลไกพรรคการเมือง จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาอย่างยั่งยืน
พร้อมร่วมมือกับเขมร
ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ น.ส.แพทองธาร ได้หารือถึงแนวทางในการใช้กลไกต่างๆ ที่มีอยู่เพื่อการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมการติดต่อระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งสองประเทศ พร้อมเน้นย้ำไปที่เรื่องการท่องเที่ยวเป็นพิเศษ โดยได้กล่าวว่า “ไทยและกัมพูชามีความเชื่อมโยงทั้งทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สามารถนำมาร้อยเรียง เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวในภูมิภาคร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ สำหรับทั้งชาวไทย ชาวกัมพูชา และชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น”
เดินหน้าเรื่องการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังได้สนับสนุนโครงการ ASEAN Drive Tourism ที่ถูกริเริ่มโดยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสินในการประชุม ASEAN Summit ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน ภายใต้แนวคิด “6 Countries One Destination” ระหว่าง ไทย กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เวียดนาม และ เมียนมา ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับต่อนโยบายดังกล่าว น.ส.แพทองธาร ได้หารือเพิ่มเติมถึงแนวทางในการสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งเจรจากับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและลดราคาตั๋วโดยสาร ซึ่งจะเป็นการดึงดูดและอำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้ น.ส.แพทองธาร ได้มีการหารือเพิ่มเติมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภูมิภาคอาเซียนด้วยความร่วมมือระหว่างพรรคต่อพรรค และยังได้ติดตามความคืบหน้าความร่วมมือศูนย์เฝ้าระวัง Hotspot ระหว่างประเทศอาเซียนที่รัฐบาลไทยโดยนายกเศรษฐา ที่เคยได้หารือไว้เบื้องต้นด้วย
แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะนักการเมืองหญิงอยากเห็นความร่วมมือระหว่างนักการเมืองหญิงทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนความรู้และวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมให้มีการเพิ่มสัดส่วนของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ สะท้อนและขับเคลื่อนประเด็นที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาของผู้หญิงอย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ
ซึ่งบรรยากาศการพบปะหารือเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง โดย ฯพณฯ นายกฯ ฮุน มาแนต กล่าวว่า ยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ น.ส.แพทองธาร และขอแสดงความยินดีต่อการกลับมาของอดีตนายกฯ ทักษิณ พร้อมฝากความระลึกถึงด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนกัมพูชา มีความใกล้ชิดกันมายาวนาน จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของ น.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคณะ ในครั้งนี้
ประสานงานด้านชายแดน
โดย นายฮุน มาแนต ได้กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้พบหารือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลายครั้ง ล่าสุดที่ประเทศออสเตรเลีย และได้จัดตั้งแนวทางการทำงานพิเศษ (Special Working Mechanism) ระหว่างกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานร่วมกันตามแนวชายแดนให้เกิดสันติภาพเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดน การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน
และในส่วนกำหนดการวันนี้นั้น คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยได้เข้าพบคารวะ สมเด็จวิบุลเสนาภักดีซาย ชุม ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ต่อด้วยการเข้าพบคารวะ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และตอนเย็นของนี้นั้น จะมีงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน
- เตือนอุ้งอิ้งอย่าเจรจาพื้นที่ซับซ้อน
นายคำนูณ สิทธิสมาน สว. กล่าวถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปกัมพูชา) จะมีผลอะไรหรือไม่นั้น นายคำนูญ กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถือว่าการเจรจายังไม่เริ่มต้นขึ้น การเจรจาจะเริ่มต้นขึ้นก็ต่อเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการเจทีซีฝ่ายไทยขึ้นมา ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งก็ยังไม่มีการเจรจา แน่นอนว่าการที่ผู้นำพบปะกันอย่างเป็นทางการอาจจะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้หรือไม่ก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติในทางกฎหมายก็ต้องถือว่าการเจรจายังไม่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะต้องกังวลอะไร ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปมุบมิบเจรจากันได้ง่ายๆ เพราะเมื่อจะต้องทำเป็นข้อตกลงก็จะเข้าข่ายเป็นข้อตกลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ดังนั้นเรื่องนี้ในทางปฏิบัติน่าจะอีกยาวพอสมควร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี