"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร." ลงพื้นที่พิษณุโลก แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดลักลอบขนยา 6 ล้านเม็ดซุกซ่อนมากับรถขนแตงโม ต้นทางเชียงใหม่ ปลายทางพระนครศรีอยุธยา นับเป็นยาบ้าล็อตใหญ่ที่จับได้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่จุดตรวจทุกนายที่มีไหวพริบความผิดปกติของลูกแตงโตที่มีขนาดไม่เท่ากันและมีรูช่องไฟที่สามารถส่องไฟฉายเห็นถุงยาเสพติดได้จนสามารถสกัดกั้นยาบ้าล็อตใหญ่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 19 มี.ค.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงผลการจับกุมรถแตงโมขนยาบ้า 6 ล้านเม็ดผ่านจุดตรวจยาเสพติดท่างาม ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีนายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายศราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภาค 6 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 พ.อ.กฤติ พันธะสา รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 พิษณุโลก รอง ผอ.กอ.รมน.พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 ร่วมแถลง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กระบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากภาคเหนือในครั้งนี้ลำเลียงใส่รถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า สีบอร์นเงินทะเบียน เชียงใหม่ ที่อำพรางด้วยแตงโมปิดทับยาบ้าออกจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ภาคกลาง เมื่อมาถึงจุดตรวจยาเสพติดท่างาม สภ.วัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นความผิดปกติ ของคนขับและผู้โดยสารคือนายอุเทน อายุ 20 ปี อยู่หมู่ 3 ตำบลสะลวง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และนายอัษฎาวุธ อายุ 20 ปี อยู่หมู่ 1 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้แยกทั้ง 2 คนไปตรวจฉี่พบว่าฉี่เป็นสีม่วง
จากนั้นจึงได้ทำการตรวจค้นในคอกรถกระบะพบมียาเสพติดจำนวน 6 ล้านเม็ด นายอุเทน และนายอัษฎาวุธ ทั้งสองให้การรับสารภาพว่าลักลอบขนยาเสพติดจากจังหวัดเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ปลายทางภาคกลาง โดยมีรถนำหรือรถสเก๊าหน้าขับนำมาตลอดทาง ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดรถนำหน้าที่วกกลับขึ้นสู่จังหวัดเชียงใหม่ได้ผู้ต้องหา 3 คนประกอบด้วยนายจาย, นายณัฐพล อายุ 20 ปี อยู่หมู่ 2 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และนายจิรายุ เป็นคนขับรถนำและผู้ติดต่ออายุ 20 ปี อยู่หมู่ 6 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชุดสืบสวนกำลังขยายผลถึงผู้สั่งการกระบวนการลักลอบขนยาเสพติดรายนี้
การจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ณ จุดตรวจท่างามครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจ เกิดความสงสัย ในความผิดปกติ ของรถที่ขนแตงโมไปขาย ประการแรก พ่อค้าแตงโมจะนิยมเรียงแตงโม แยกเป็นรุ่น เป็นไซส์ แต่รถคันดังกล่าว มีลักษณะเรียงแตงโมแบบสะเปะสะปะผิดวิสัยของพ่อค้าแตงโมและพอส่องไฟไปในช่องแตงโมจึงพบความผิดปกติ
จึงได้ทำการแยกระหว่างคนขับและผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยไปทำการสอบปรากฏว่าแต่ละคนบอกจุดเริ่มต้นของการขนแตงโมมาคนละที่เป็นพิรุธอย่างมากจึงทำการตรวจรถจนเจอยาบ้าซุกในแตงโมจำนวน 6 ล้านเม็ด ส่วนรถนำหรือรถสเก๊าหน้านั้นได้ผ่านมาก่อนหน้านี้ไปร่วมชั่วโมงแล้ว ซึ่งช่วงที่ผ่านมานั้นทางจุดตรวจท่างามยังไม่ได้ตั้งด่าน รถได้เลยไปถึงอำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตรแล้ว ขณะที่เมื่อรถขนแตงโมมาถึงด่านได้ตั้งจุดตรวจเรียบร้อย จึงสามารถสกัดจับยาบ้าได้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวต่อว่า เนื่องจากยังมีกระบวนการลักลอบยาเสพติดจากภาคเหนือตอนบนสู่ภาคกลางจำนวนมากจึงมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจทุกกองบัญชาการเข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดและมีการอบรมเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ให้สังเกตในการลักลอบขนยาเสพติด ที่เริ่มมีการใช้พืชผลทางการเกษตรในการอำพราง การจับกุมยาเสพติดจำนวน 6 ล้านเม็ด ณ จุดตรวจท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกครั้งนี้ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่มีการสังเกต การขนวัสดุทางการเกษตร ที่พบพิรุธ แม้ว่าเป็นจุดตรวจที่ยังไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย แต่จากการสังเกตก็สามารถจับกุมได้
ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 คนให้การรับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างคนละ 150,000 บาท เมื่อสามารถทำงานสำเร็จ แต่ครั้งนี้ยังไม่ได้รับค่าจ้างมาถูกจับกุมเสียก่อน จากการสืบสวนทราบว่ายาเสพติดล็อตนี้ต้นทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ปลายทางอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกำลังสอบสวนถึงผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการซึ่งตำรวจและหน่วยปราบปรามยาเสพติดจะใช้ทุกมาตรการทุกกฎหมายในการสกัดกระบวนการลักลอบค้นยาเสพติด - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี