2สาวในคลิปหอบหลักฐาน โร่พบตำรวจชุมพร ยันความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คดีเสี่ยบ่อนไก่ถูกอุ้มหาย ถูกกันไว้เป็นพยานแล้ว
26 มีนาคม 2567 กรณีวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจทางหลวง (ตร.ทล.) ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม รับแจ้งจากประชาชนว่า พบรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กท 3424 ชุมพร จอดทิ้งอยู่ในป่าพื้นที่บ้านดงโชค ต.หนองญาติ ทางตำรวจทางหลวงจึงประสาน ร.ต.ท.สิทธิพล วงศ์นิโลบล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรประจำวันฯ ร่วมตรวจสอบพบกุญแจรถทิ้งไว้ในเก๊ะ และเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงวอร์มถอดทิ้งไว้ที่ท้ายรถ ก่อนจะเคลื่อนย้ายรถยนต์มาตรวจสอบที่ สภ.เมืองนครพนม
กระทั่งทราบว่าเป็นรถยนต์ที่นางวันเพ็ญ (สงวนนามสกุล) หรือเจ๊อ้วน อายุ 64 ปี ชาว อ.สวี จ.ชุมพร ได้มีการแจ้งหายไว้ที่ สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 โดยระบุว่าหายไปพร้อมกับสามีคือนายขนบ สมหวัง หรือนายหัวสมาร์ท อายุ 56 ปี เจ้าของบ่อนไก่ชนชื่อดังในพื้นที่ อ.สวี โดยเจ๊อ้วนแจ้งว่าเป็นภรรยาคนแรกของนายขนบ ถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมเป็นตายร้ายดีอย่างไร
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานสำคัญ จากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ต่างๆ จนพบเบาะแสว่ามีชายคนหนึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว โดยทางญาตินายขนบหรือเสี่ยสมาร์ท รวมทั้งเพื่อนฝูง ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยรู้จักชายที่อยู่ในกล้อง ทางตำรวจภูธรภาค 8 จึงประสานงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจทางหลวง ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด สันนิษฐานเบื้องต้นอาจพัวพันกับขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติ
ต่อมาพบภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในพื้นที่ บ้านดอนม่วง หมู่ 9 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม พบคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ไม่ใช่ผู้ชาย กลายเป็นหญิงสาว 2 คน ขับไปทำผมที่ร้านดังกล่าว ทราบต่อมาว่าหญิงสาวทั้งสองคนเป็นญาติกัน ชื่อ น้องนุ๊ก (นามสมมติ) ที่เปิดร้านทำเล็บอยู่ใน ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม และครูป๊อบ (นามสมมติ) สอนอยู่ รร.ประถมแห่งหนึ่งในตัวอำเภอโพนสวรรค์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
โดยผู้สื่อข่าวประจำ จ.นครพนม ได้ติดตามคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ ได้นำเอกสารมาขอรับรถฟอร์จูนเนอร์กลับไปยังพื้นที่ ที่ผู้เสียหายแจ้งความรถหายไว้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นครพนม ได้มอบหลักฐานที่ตรวจได้แก่ตำรวจภูธรภาค 8 รับไปดำเนินการต่อ
กระทั่งวันที่ 25 มีนาคม 2567 นางวันเพ็ญหรือเจ๊อ้วน ภรรยาคนแรกของเสี่ยบ่อนไก่ ได้เปิดปากรับสารภาพกับตำรวจชุมพรแล้วว่า เป็นคนจ้างวานนายชัยซึ่งเป็นเพื่อนของเสี่ยสมาร์ท ลงมือฆ่าสามีตน ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ จ.นครพนม จึงคุ้ยคดีดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อหาความเชื่อมโยงกับการหายตัวไปของนายหัวสมาร์ท เพราะถึงขณะนี้ยังหาร่างเสี่ยบ่อนไก่ไม่เจอ โดยทางญาติระบุว่าถ้ายังไม่พบศพถือว่ายังมีชีวิตอยู่ แม้ความหวังจะริบหรี่เต็มทน
ล่าสุด วันที่ 26 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พบแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ โดยไม่ให้บันทึกภาพและเสียง พร้อมเปิดเผยรายละเอียดว่า น้องนุ๊กกับครูป๊อปเป็นเครือญาติกัน ซึ่งน้องนุ๊กมีครอบครัวแล้ว ส่วนครูป๊อปยังเป็นโสดอยู่ จากข่าวที่เกิดขึ้นนั้น สืบเนื่องจากสามีของน้องนุ๊กมีอาชีพซื้อขายรถยนต์มือสอง โดยดำเนินการซื้อขายผ่านเพจหนึ่ง ที่เปิดให้ซื้อขายรถยนต์มือสองโดยเฉพาะ
ปรากฏว่ามีบุคคลนำภาพรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ประกาศขายผ่านเพจดังกล่าว ระบุว่าเจ้าของขายเอง จึงมีการพูดคุยโต้ตอบกัน สรุปสามีน้องนุ๊กตกลงซื้อในราคาประมาณ 3 แสนบาท โดยมีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐาน และมีคนขับรถยนต์คันดังกล่าวมาส่งให้ถึงบ้าน น้องนุ๊กจึงใช้รถยนต์คันนี้ไปไหนมาไหน โดยไม่ทราบว่าเป็นรถที่แจ้งความหายไว้ที่ สภ.นาสัก
ต่อมาทราบว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ เป็นรถที่ถูกแจ้งความหาย ด้วยกลัวความผิดจึงนำรถไปจอดทิ้งไว้ในป่าบ้านดงโชค ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ทั้งครูป๊อบ รวมถึงน้องนุ๊กและสามี ได้หอบหลักฐานเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.นาสัก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางตำรวจได้กันไว้เป็นพยาน และห้ามให้ข่าวกับใครทั้งสิ้น เพราะจะสืบสวนขยายผลถึงขบวนการโจรกรรมรถ รวมถึงคนร้ายในคดีนี้ด้วย ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในสถานที่ปลอดภัย.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี