ขุมนรก‘เล่าก์ก่าย’! สาวไทยเล่าเหมือนตายทั้งเป็น โดนหลอกขาย‘จีนเทา’บังคับค้ากามนับปี
27 มีนาคม 2567 นางสาวเอ อายุ 28 ปี เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากเพื่อนชวนไปทำงานเป็นล่ามแปลภาษาจีนที่ประเทศเมียนมา แต่กลับถูกขายให้กับคนจีนเทาบังคับค้าประเวณี
นางสาวเอ เล่าว่า ตนเป็นคน จ.สกลนคร ทำงานเป็นล่ามภาษาจีน รายได้ไม่พอรายจ่าย และพี่ชายได้รับอุบัติเหตุต้องใช้เงินรักษาตัวจำนวนมาก ต่อมามีเพื่อนชื่อนางสาวบี (นามสมมุติ) ที่ทำงานอยู่เมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ชักชวนให้ตนไปทำงานเป็นล่ามที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองเล่าก์ก่าย บอกว่ารายได้ดี ตนก็หวังว่าจะช่วยครอบครัวได้ จึงตัดสินใจเดินทางไปช่วงเดือน ต.ค.65 โดยตนเดินทางจาก จ.สกลนคร ไป จ.เชียงใหม่ และไปต่อที่ อ.เชียงดาว ก่อนจะมาคนมารับเดินทางต่อไปทางช่องทางธรรมชาติข้ามไปเมียนมา ใช้เวลาถึง 8 วัน เมื่อไปถึงพบกลุ่มคนจีนจ่ายเงินให้นางสาวบี เป็นเงิน 300,000 บาท ตนจึงรู้ตัวว่าถูกขายและนางสาวบีก็ได้หลบหนีไป
นายสาวเอ เล่าต่อว่า จากนั้นเขาก็บังคับให้ตนทำงาน โดยคนจีนบังคับรุมโทรม และเขาติดต่องานมาให้เราทำ ตนตกใจเหมือนกัน เขาบังคับให้ตนค้าประเวณี ให้รับลูกค้าแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 10 คน และต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตนต้องทำงานใช้หนี้ที่เพื่อนตนเอาเงินไป พอจะหมดหนี้แล้วเขาก็ให้เซ็นสัญญา ถ้าไม่เซ็นจะถูกเขาทำร้าย และตนถูกขังอยู่ในห้องที่เป็นลูกกรง แต่ตนไม่ยอมเซ็นสัญญา เพราะไม่ไหวแล้ว เขาก็ใช้ด้ามปืนตบมาที่ศีรษะ ตนสมองบวมเพราะมีเลือดคั่งในสมอง ซึ่งเขาพาตนไปส่งโรงพยาบาล ตนต้องยอมทำต่อไป
“การทำร้ายเขาจะขู่ด้วยมีด ใช้ไม้ตบตี เตะบ้าง ต่อมาจะมีกวาดล้างพวกจีนเทาโดยรัฐบาลจีน ซึ่งเขาจะขายตนให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในราคา 1,500,000 บาท แต่ตนไม่ยอม เขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน เขาก็ขายตนให้กับแก๊งที่อยู่เมียวดี ไปทำงานค้าประเวณีเหมือนกัน และมีคนที่เมียวดีบอกกับตนว่ามีมูลนิธิปวีณาฯที่ช่วยเหลืออยู่ ตนจึงขอยืมโทรศัพท์เขา และติดต่อมูลนิธิปวีณาฯให้เข้าไปช่วยเหลือ ตนอยู่ที่เมียนมา 15 เดือน ตนต้องยอมทำตามหวังว่าใช้หนี้หมดจะได้กลับบ้าน แต่เมื่อใช้หนี้หมดสุดท้ายก็ถูกจับตัวไว้ และถูกบังคับให้ค้าประเวณีอีก ช่วงนั้นที่เมืองเล่าก์ก่ายมีสงครามรบกัน โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ทั้งหมด ทำให้ตนไม่สามารถติดต่อใครได้เลย กระทั่งมาติดต่อมูลนิธิปวีณาฯได้ ตนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น ตนได้กลับไทย เหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง” นางสาวเอ กล่าว
ด้านนางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากนางสาวเอ ตนได้ประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ทันที ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.67 มูลนิธิปวีณาฯได้ทราบข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ว่า สามารถช่วยเหลือนางสาวเอ ออกมาได้แล้ว มูลนิธิปวีณาฯจึงได้รับนางสาวเอ เข้าพักอยู่ในความคุ้มครองของมูลนิธิปวีณาฯ และได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก่อนจะมอบหมายให้นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พานางสาวเอ เข้าแจ้งความ และส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ ขอเตือนภัยสาวไทยทุกคนอย่าหลงเชื่อ หากได้รับการชักชวนไปทำงานต่างแดน และประเทศเพื่อนบ้าน ต้องตรวจสอบจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ หรือมูลนิธิปวีณาฯ ให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง และอาจจะต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมาน ตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้เงินแล้วยังต้องเป็นหนี้ ถูกบังคับค้าประเวณี ทำงานผิดกฎหมาย และบางคนก็เอาชีวิตไม่รอด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี