รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ เปิดเผยถึงความสำเร็จก้าวเป็นผู้นำในเรื่องการวิจัยเชิงสังเคราะห์และการผลิตและนำข้อมูลที่เชื่อถือได้มารักษาผู้ป่วยและสร้างนักวิจัยในไทยและต่างประเทศ โดยคณะแพทยศาสตร์ได้ให้ความสำคัญกับ “เวชศาสตร์เชิงประจักษ์” (Evidence Based
Medicine - EBM) ที่ว่าด้วยการเลือกวิธีการรักษาโดยใช้ “หลักฐาน”จากงานวิจัย เป็นศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพมากและมีความเกี่ยวพันกันหลายด้าน โดยเน้นให้มีการเรียนการสอนในหลักสูตรของคณะแพทยศาสตร์ โดยที่ผ่านมามีความร่วมมือกว่า
20 ปี กับองค์กรระดับนานาชาติในการทำวิจัยเชิงสังเคราะห์ในประเทศและเอเชีย
ด้าน ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ กล่าวว่า การนำหลักการของเวชศาสตร์เชิงประจักษ์มาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน การรักษาพยาบาล และการวิจัย เพิ่มขีดความสามารถของการรักษาโดยประเทศไทยได้มีการก่อตั้ง Thai Cochrane Network ในปี พ.ศ. 2545 โดย ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ และทีมงาน ก่อนที่จะพัฒนามาเป็น Cochrane Thailand ในปี พ.ศ. 2546ซึ่งตั้งอยู่ที่ คณะแพทยศาสตร์ มข. มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการผลิตและเผยแพร่หลักฐานการวิจัยเชิงประจักษ์เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจด้านการดูแลสุขภาพ โดยไม่เพียงมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบในระดับท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบระดับโลกด้วย การที่เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกเพื่อการสังเคราะห์งานวิจัยด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ ในปี 2557 และเป็น WHO HRP Alliance HUB เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการวิจัยสำหรับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO/SEARO) ในปี 2560 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก โดยได้มีส่วนร่วมในการสังเคราะห์งานวิจัยมากกว่า 50 เรื่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยขององค์การอนามัยโลก (WHO recommendation)
“จุดแข็งของ Cochrane อยู่ที่มีการทำงานร่วมกันจากผู้คนทั่วโลกที่เป็นตัวแทนของ Cochrane ในประเทศต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้หลักฐานการวิจัยจาก Cochrane เป็นแนวทางกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพ นอกจากนี้ ยังได้มีการแปลบทคัดย่อ และบทสรุปของ Cochrane Review มากกว่า 1,000 เรื่อง เนื่องจากเราเชื่อว่าภาษาไม่ควรเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพ”
มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการทำ Cochrane Review และการใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องให้แก่นักวิจัยที่สนใจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนามอินโดนีเซีย เมียนมา ศรีลังกา) การดำเนินการตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา Cochrane Thailand ได้รับทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และองค์การอนามัยโลก
ส่วน รศ.วิมลรัตน์ ศรีราช รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยให้การสนับสนุนการวิจัยเวชศาสตร์เชิงประจักษ์ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์ โดยมุ่งให้แพทย์ได้เลือกวิธีการรักษาที่ดีและเหมาะสมต่อผู้ป่วยที่สุด โดยใช้หลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากจะนำไปสู่นโยบายสุขภาพที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศจะให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน เวชศาสตร์เชิงประจักษ์ เป็นแนวปฏิบัติเพื่อค้นหาการรักษาที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดทั้งมุมแพทย์และผู้ป่วยจากหลักฐาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี