อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพรรณพืช บินด่วนมาให้กำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนสั่งให้ทางตำรวจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดชิงตัวผู้ต้องหาและของกลางอย่างเฉียบขาด รวมไปถึงสั่งให้เฝ้าระวังการลอบเผาในพื้นที่อุทยานและหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพรรณพืช ได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอปางมะผ้า โดยมีนายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเข้าประชุมในห้องประชุมอำเภอปางมะผ้าทางอธิบดี ฯ ได้หารือกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พนักงานสอบสวน สภ.ปางมะผ้า และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานในห้องส่วนตัวของนายอำเภอปางมะผ้า โดยได้มีการสอบถามเรื่องการแย่งชิงตัวผู้ต้องหา ซี่งในกรณีดังกล่าวได้มีการสั่งให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดทั้งหมด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อกลุ่มบุคคลอื่นๆ ในพื้นที่อีกต่อไป จากนั้นได้เข้าร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่และหัวหน้าหน่วยอุทยานในพื้นที่อย่างเคร่งเครียดนานกว่า 2 ชั่วโมง
นายอรรถพล เจริญชันษา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับมอบหมายจากพลเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้มาติดตามปัญหาไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ ในจังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ลดน้อยลงกว่าเดิม 30-35 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีบางพื้นที่ ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ประกอบกับการที่ได้มีการดำเนินคดีกับพวกบุกรุกแผ้วถางป่า ล่าสัตว์และมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ มีการแย่งตัวผู้ต้องหา ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และจะได้ติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนเรื่องหมอกควันข้ามแดนว่ามีมากน้อยแค่ไหน
"ตอนนี้ทางกรมอุทยานได้มีแผนการควบคุมไฟป่าด้วยการตั้งจุดเฝ้าระวัง กระจายไปทุกพื้นที่ให้ครอบคลุมเพื่อที่จะเมื่อเห็นไฟจะได้เข้าไปดับได้ทันท่วงที นอกจากนั้นแล้วการควบคุมพื้นที่การอนุญาติให้เข้าไปเก็บหาของป่า หากเข้าไปในพื้นที่ที่มีการประกาศปิดป่าไปแล้ว ต้องมีการควบคุมอย่างจริงจัง และในห้วงฤดูเก็บหาของป่าก็จะอนุญาตให้กับผู้ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้นเพราะว่าเราไม่ต้องการให้เข้าไปเก็บหาของป่าและทำให้ระบบนิเวศน์เสียหายและเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า สิ่งที่สำคัญที่สุดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ท่านเศรษฐา ทวีสิน ที่พิจารณางบกลางในการจัดจ้างพี่น้องประชาชน มาร่วมกันเฝ้าระวังการลอบเผาป่าก็ถือว่าจะเป็นการควบคุมไฟป่าได้มากกว่าเดิม"นายอรรถพล กล่าว
นายไกรศร บัวบาน หัวหน้าชุดสายตรวจประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นตนได้รับคำสั่งจากนายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ให้ไปตรวจสอบจุดความร้อน ตามพิกัดที่ดาวเทียมตรวจพบ จึงได้เดินทางเข้าไปเพื่อทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้น โดยตนได้เดินทางเข้าไปในเวลากลางคืน โดยได้จอดรถห่างจากจุดเกิดเหตุ และเดินเท้าเข้าไป บริเวณป่าสบแม่น้ำยาน ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน บริเวณแปลงพื้นที่ทำกินในป่าสบแม่น้ำยาน ใกล้กับจุดที่เกิดความร้อน พบชาย 1 คน ทราบชื่อภายหลังว่า นายดาเอ ไม่ทราบชื่อสกุล พบอุปกรณ์ในกระท่อม ทั้งอาวุธ มีด ขวาน ปืนแก๊ป 1 กระบอก และยาบ้า 1 เม็ด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ใดจุดไฟเผา นายดาเอ แจ้งว่า นายจ่านู เป็นคนจุดไฟเผาป่า และได้จับกุม นายจ่านู อยู่บ้านหนองขาว หมู่ 5 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน พบ ปืนแก๊ป 1 กระบอก ยาบ้า 8 เม็ด เครื่องกระสุน มีด และซากสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก อาทิ ขนเม่น, เกล็ดตัวนิ่ม, กระดูกกรามเก้ง, ตีนนกเหยี่ยว 2 ข้าง, ตีนไก่ป่า 1 คู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ ได้นำตัวทั้ง 2 คนไปยังที่ สภ.ปาย อำเภอปาย เพื่อดำเนินคดี แต่พอมาถึงบริเวณบ้านหนองขาว หมู่ 5 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน มีกลุ่มบุคคล 20 คน หนึ่งในกลุ่มคน เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นำชาวบ้านมาขัดขวาง และเข้าแย่งตัวผู้ต้องหา และชิงของกลางทั้งหมดไป และทำร้ายตนจนต้องวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ จากนั้นกลุ่มราษฎรเหล่านั้นได้ชิงตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไป
ล่าสุดทราบว่า กลุ่มผู้กระทำผิด ได้เดินทางมามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะผ้า อีกจำนวน 5 ราย โดยศาลสั่งห้ามประกันตัวโดยเด็ดขาดเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เชือด‘ผู้ช่วย ผญบ.’! ตั้งกรรมการสอบ-โทษถึงไล่ออก เหิมนำลูกบ้านชิงผู้ต้องหาเผาป่าแม่ฮ่องสอน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี