"อนุทิน"มอบนโยบายลูกเสือไทย เร่งพัฒนากิจการทันความเปลี่ยนแปลงโลก ปลูกฝังเยาวชน มีสำนึกรักชาติ
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ปฏิบัติหน้าที่นายกสภาลูกเสือไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสภาลูกเสือไทย ประจำปี 2567 "ลูกเสือมุ่งประสานทำดีด้วยหัวใจ เทิดไท้ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ" โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ผู้บริหาร ศธ. กรรมการสภาลูกเสือไทย สภาผู้ทรงคุณวุฒิสภาลูกเสือไทย เข้าร่วม
นายอนุทิน กล่าวว่า สภาลูกเสือไทย ว่างเว้นจากการประชุมมานานกว่า 6 ปี ครั้งนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ขอให้มีการจัดประชุม เพราะมีความพร้อม และไม่ควรทิ้งให้นานกว่านี้ เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นกิจการลูกเสือไทยก็ควรเร่งให้พัฒนาสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อพัฒนากิจการลูกเสือไทย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานกำเนิดกิจการเสือป่า หลังการก่อตั้งลูกเสือโลกเพียง 4 ปี วัตถุประสงค์หลัก คือ สร้างนิสัยในการสังเกต เชื่อฟัง และพึ่งพาตนเอง โดยต้องมีความซื่อสัตย์สุจรติ บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณะประโยชน์ ตลอดจนรู้รักษาและส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม และความมั่นคงของชาติ ตลอด 113 ปี ของการก่อนตั้งสภาลูกเสือไทย แม้บริบทของโลก สังคมวัฒนธรรม และค่านิยมเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่หัวใจของกิจกรรมลูกเสือก็มีความเป็นสากล มีจิตสำนึกของความเป็นจิตอาสา ซึ่งเป็นคำที่เรามีความคุ้นเคย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกระแสรับสั่งเรื่อง การศึกษาแก่ผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.มีใจความว่า "ระบบการศึกษาต้องใช้ศรัทธาสร้างเด็ก เยาวชน เป็นผู้ใหญ่ที่ฝากบ้าน ฝากเมือง ซึ่งงานของครูเป็นเรื่องยาก ขอให้ครูได้ช่วยก่อสร้างคนดีแก่บ้านเมือง ต้องสอนให้เด็ก รู้ถูก รู้ผิด ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องในเรื่องความเป็นชาติ สถาบัน ประวัติศาสตร์ การสร้างเด็กเพื่อเป็นคนในอนาคตของชาติที่มีการศึกษา พบว่า ความคาดหวังในเด็กของประเทศไทย คือ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ มีน้ำใจ" พระบรมราโชวาทที่พระราชทานมายัง ศธ.นั้น ศธ.ในยุคปัจจุบันได้น้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อม และน้อมนำมาเป็นนโยบายหลักในการบริหารราชการแผ่นดินของ ศธ.โดยให้ความสำคัญในเรื่องของความเป็นชาติ ประวัติศาสตร์ ความสำนึกรักชาติ และมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย
นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระราชทานหลักสูตรลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน มุ่งประสานทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสือได้เสริมสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโครงการที่ทรงคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อสังคม ช่วยให้ลูกเสือได้รู้จักการเสียสละ การทำงานร่วมกัน รวมถึงช่วยส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งน่าอยู่ยิ่งขึ้น
"การที่เรามีโอกาสได้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ส่วนหนึ่งเพราะได้มีโอกาสเป็นลูกเสือตั้งแต่ชั้นประถม สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ดี ทำให้คำว่า ระเบียบวินัยที่เข้มแข็ง เริ่มปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีอาจารย์ ครูมาคอยแนะนำสั่งสอน ในกรอบของลูกเสือ โดยจำได้ว่า สมัยที่ผมเป็นลูกเสือใหม่ๆ จะไม่อยู่นิ่ง จึงถูกสั่งให้วิดพื้นตลอด ซึ่งวันนั้นไม่เข้าใจ ทำให้รู้สึกเบื่อ อึดอัด แต่ความเข้มงวดของครูทำให้เราซึมซับความเป็นระเบียบโดยไม่รู้ตัว ส่วนการที่ได้ไปเข้าค่าย ถือเป็นการฝึกฝนให้มีความอดทน อยู่ได้ทุกสภาพ มีความอดทนต่อความลำบาก ได้รับการปลูกฝังในเรื่องความรักชาติ มีความภาคภูมิใจ ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่คาดหวัง ทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนมีจิตสำนึกของความรักชาติ ทั้งนี้ ลูกเสือถูกปลูกฝังให้ใส่ยูนิฟอร์มแต่มีคนบอกว่า ยูนิฟอร์มไม่ดี แต่ถ้าเรามองในภาพรวม ยูนิฟอร์มเป็นสิ่งที่ทำให้เราแบ่งแยกกันไม่ได้ ไม่มีการแบ่งแยกยี่ห้อ ตรงนี้เป็นกุสโลบายหนึ่ง ที่ทำให้อยู่ร่วมกันได้ สิ่งเหล่านี้ต้องเร่งกลับมาปลูกฝังในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้รู้สึกรักชาติ รักศาสนา เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพิ่มประชาชนเข้าไปด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย ในการทำให้เยาวชนของชาติได้มีจิตสำนึกในความจริงที่ว่า ประเทศชาติ ประกอบด้วย 3 สถาบันหลัก และประชาชน เพื่อทำให้เด็กยุคนี้เกิดความเข้าใจ ขอฝากทุกคนให้พิจารณาเพื่อช่วยกันดำเนินการ เชื่อว่า พลังของสภาการลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน ทหาร ตำรวจ ฯลฯ ถือเป็นองค์ประกอบที่มีความเข้มแข็งของประเทศ มีหน้าที่รับผิดชอบ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และวงการลูกเสือไทยให้เจริญก้าวหน้าได้" นายอนุทิน กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวรายงาน ว่า ในปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ได้ดำเนินกิจการลูกเสือตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.2551 ข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวทาง "ทำดี ทำได้ ทำทันที" เพื่อปลูกฝัง ฝึกฝนอบรม พัฒนาเยาวชนของชาติให้มีคุณภาพ ยึดมั่นในอุดมการณ์ของลูกเสือ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคม อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไปในอนาคต
รวมถึงบริหารกิจการลูกเสือให้เกิดประสิทธิภาพ สร้างความสัมพันธ์กับคณะลูกเสือนานาชาติ ซึ่งประสบความ สำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายทุกประการ โดยได้รับความร่วมมือจากสถานศึกษาทุกสังกัด องค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคีเครือข่ายให้การส่งเสริมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ลูกเสือและบุคลากรทางการลูกเสือ ยังได้น้อมนำโครงการลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน มุ่งประสานทำความดีด้วยหัวใจ มาเสริมสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง สร้างจิตบริการและจิตสาธารณะ บำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี