วันที่ 30 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่วัดนครอินทร์ ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กล่าวว่า วันนี้มาทำบุญที่วัดนครอินทร์ และบริจาคเงินเพื่อสร้างเจดีย์ทุเรียนที่กำลังก่อสร้างอยู่ ก็รู้สึกดีที่ได้มาครั้งนี้เป็นครั้งแรก วันนี้มาบริจาคเงินของตัวเองจากหยาดเหงื่อและแรงงาน จำนวน 5,000 บาท ก็ขอให้ครอบครัวมีความสุขความเจริญ ทำบุญแล้วจิตใจผ่องแผ้ว ที่มาที่วัดแห่งนี้เพราะเห็นในข่าว พอดีผมได้ข้อมูลมาว่ามีคนนำเงินไม่บริสุทธิ์มาถวาย วันนี้จึงชวนๆพี่นักข่าวมาทำบุญกัน โดยเอาเงินบริสุทธิ์มาทำเพื่อสร้างเจดีย์ให้สำเร็จ ทางวัดหรือหลวงพ่อหรือคนในวัดท่านไม่ทราบหรอก ว่าใครจะเอาเงินอะไรมา แต่คนที่เอาเงินที่เป็นเงินส่วยหรือเงินที่ได้จากการขูดรีดประชาชนมาทำ ผมคิดว่าจะได้บุญน้อยกว่าชาวบ้านที่บริจาคแค่ 10 บาท 20 บาท ผมไม่เคยมาวัดนี้มาก่อนจึงเข้ามาดูเจดีย์ที่วัดกำลังก่อสร้างว่าก่อสร้างถึงไหนแล้ว
ตอนนี้ตรวจพบเส้นทางการเงิน 2 เส้น จากบัญชีม้าที่รับส่วยได้มาจากเว็บพนัน มีการโอนเข้ามาครั้งแรก 100,000 บาท ครั้งที่ 2 700,000 บาท โดยมีทั้งคชาชาญและณัฐพงษ์ ที่เป็นบัญชีม้าใช้ประจำ คนจัดการจ่ายเงินของนายพล ต. เพราะว่าทางวัดได้มีการโพสต์ไว้แล้วว่านายพล ต. ได้บริจาคเงินจำนวน 10 ข้อหาฟอกเงิน0,000 บาท และ 700,000 แสนบาท ผมไปเจอหลักฐานมาแล้ว
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า เรื่องภรรยาของนายพล ต. พบเส้นเงิน ตอนแรกแค่เส้นเดียวแต่ตอนนี้เจอ 30 กว่าเส้นแล้ว ต้องย้อนไป 3 ปีที่แล้ว เขาโอนเป็นรายเดือน ช่วงที่ ผบ.ตร.เป็น ผบช.สอบสวนกลาง โอนจ่ายเดือนละแสนกว่าบาท แต่พอเป็นผู้ช่วย เป็น รองผบ. ตร. บัญชีม้าก็โอนให้เมียเดือนละ 59,000 บาททุกเดือน แต่ตนยังตรวจสอบไปไม่ถึงช่วงที่เป็น ผบ.ตร.มีเส้นเงินถึงแค่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
แล้วตอนนี้เจอ 38 เส้น ช่วงที่เป็นผู้ช่วยและรองผบ.ตร. ได้เงินน้อยกว่าตอนที่เป็น ผบช.สอบสวนกลาง ที่ตรวจสอบบัญชีของณัฐพงษ์ มีการโอนให้ภรรยาหลายแสนบาท แต่ผมยังไม่ได้คำนวณ ตอนนี้ก็หาเส้นเงินอยู่เรื่อยๆ ตนคิดว่าน่าจะเป็นความผิดหลายกรรม โดยวันจันทร์นี้ที่ 1 เม.ย.67 ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดี นายพล ต. และภรรยา ที่ สน.เตาปูน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลักฐานชัดเจนแล้วตอนแรกตนไม่มีอะไรยืนยันได้ เรื่องเส้นเงินว่ามาจากใคร และพยายามจะตรวจสอบกับทางวัดแต่เข้าใจว่าทางวัดว่าจะส่งบัญชีไปที่สำนักพุทธ ซึ่งเป็นกฎว่าต้องส่งบัญชีว่าใครบริจาคเท่าไรไป แต่ทางวัดนี้ยังไม่ได้ส่งไปจึงขอให้สำนักพุทธช่วยมาตรวจสอบก่อน เขาต้องมีชื่ออยู่ว่าบัญชีนี้ใครเป็นคนโอน ใครเป็นคนบริจาค ไม่ว่าจะเป็นการโอนหรือบริจาคเป็นเงินสด ทางวัดต้องทำบัญชีให้ครบถ้วน ส่วนใบอนุโมทนาบัตรไม่เกี่ยวบางคนอาจจะมาขอเพื่อไปลดหย่อนภาษี ส่วนอีกวัดหนึ่งที่มีเงินเส้นเงินไป 199,000 กว่าบาท
เรื่องบัญชีคนที่จะตอบได้มีอยู่แค่ 3 คนในวัดคือ เจ้าอาวาส เลขาเจ้าอาวาส และไวยาวัจกร ที่จะรู้เรื่องเส้นเงินของวัด และไวยาวัจกรจะต้องดูแลภายในวันและเส้นเงินด้วย วัดใหญ่ๆจะมีไว้ยาวัจกรหลายประเภทดูแลเรื่องอื่นๆเช่นเรื่องที่ดิน ส่วนอีกวัดหนึ่งก็ขอให้สำนักสงฆ์ไปตรวจสอบด้วย ต้องไปดูที่บัญชีจะชัดเจน ถ้าทำใหม่ก็จะเห็นว่าเป็นเล่มใหม่หรือมีการลบชื่อออก ก็จะเห็นว่ามีการลบ
ส่วนหลักฐานของตนที่ได้มาถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ฟ้องมาเลย แต่ที่ไม่ทำอะไรอยู่เฉย เพราะมันเป็นของจริง เขาก็พูดไปอย่างนั้นเพื่อดิสเครดิตว่าไม่ชอบ ใครจะกล้าเอาเอกสารผิดๆเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาฟ้องร้องกับผบ. ตร.ไม่มีหรอก ที่บอกว่าไปดูทะเบียนราษฎร์ดำเนินคดีไปเลยใครไปแอบดูทะเบียนผบ.ตร.ไม่ใช่คนของผมแน่นอน และตัวผมเองก็ถูกดูทะเบียนราษฎร์ปี 1 เป็น 10 ครั้ง ก็ไม่เห็นจะต้องวอแวใครอยากดูก็ดูไป มันก็แค่ชื่อนามสกุลที่อยู่ ผมเป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้วมันก็มีอยู่แค่นั้น ผบ.ตร.ก็เช่นกัน เขาก็รู้ชื่อที่อยู่เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ถ้าคิดว่าคนเข้าไปดูเป็นการล่วงละเมิดสิทธิ์ผิดกฎหมาย ก็ดำเนินคดีไปเลยไม่เกี่ยวกับผม ถ้าหากเคยติดตามจะพบว่านายอัจฉริยะ เคยโพสต์ทะเบียนราษฎร์ของคนนู้นคนนี้ ก็ถูกฟ้องดำเนินคดีในข้อหาทะเบียนราษฎร์มาแล้วหลายครั้ง ไม่ดูตัวเองอยู่ๆก็มาว่าคนนู้นคนนี้ ว่าไปดูทะเบียนราษฎร์คนนั้นคนนี้ เอ่ยไปลอยๆเมื่อวานมาโกหกว่าฟ้องคดีกัน 26 คดีไม่มีหรอก ฟ้องผมมาแค่ 6 คดีและยกฟ้อง 6 คดีเท่านั้น มีแต่ผมฟ้องเขาหลายคดี ก็มีทั้งยกบ้างและตัดสินให้จำคุกเขาบ้างแต่รอลงอาญา พูดอะไรเหมารวมไปไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะไม่ใช่ความจริง เรื่องนี้ถ้าผมไม่มาเปิดหลักฐานแบบนี้ เรื่องก็เงียบไม่มีการดำเนินคดีกับผบ.ตร. ทางทนายเขาเป็นคนมาท้าผมเองว่ามีหลักฐานชัดเจนทำไมถึงไม่ดำเนินคดี วันจันทร์นี้ผมจะไปดำเนินคดี ทั้งสามีและภรรยาร่วมกันฟอกเงิน และบัญชีม้าด้วยทั้งคชาชาญกับณัฐพงษ์
ส่วนชุดของพี่เต่าแยกกันอันนั้นให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของตำรวจทุกคน และเส้นเงินจากพิมวิไล พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปให้ข้อมูลกับตำรวจสอบสวนกลาง จากที่นัดหมาย วัดไม่ให้ข้อมูล ทุกคนปิดปากเงียบหมดไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือพระ ก็คงถูกสั่งมา ว่าอย่าให้ข้อมูล แต่วัดต้องให้ข้อมูลกับสำนักพุทธเพราะเขามีอำนาจที่จะมาตรวจสอบ เข้าใจว่าสำนักพุทธลงมาตรวจสอบแล้ว หลังจากทำบุญผมก็รู้สึกสบายใจขึ้น ความหนักใจจะไปอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งแทนแล้ว มีข้อมูลแล้วถึงแม้จะยังไม่ได้ข้อมูลจากทางวัด แต่ทีมงานผมเจอแล้วว่าวัดไปโพสต์ขอบคุณนายพล ต. ที่มาทำบุญ100,000 ครั้งหนึ่ง 7 แสนครั้งหนึ่ง มันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นเงินจากใคร เป็นเงินจากผบ.ตร.ให้ทำบุญ ทำบุญเสร็จแล้วเอาบัญชีมาจากไหนเป็นบัญชีจากพวกเว็บพนัน บัญชีม้า บัญชีส่วย เอาเงินบาปมาทำบุญ ไม่ได้มาทำเพื่อบิ๊กโจ๊ก ไม่ได้มาทำเพื่อใครตนจะดำเนินคดีจริง ไม่ได้มีการขู่ว่าเดี๋ยวจะไปทำแล้วก็เงียบหาย ขู่ว่าจะแถลงแล้วก็เงียบไม่ใช่ทนายตั้ม เดี๋ยววันจันทร์เจอกันลงบันทึกประจำวันกล่าวโทษดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน 3-4 คน เส้นเงินนี้คนละเส้นกับที่ผมไปร้องตำรวจสอบสวนกลาง เส้นนี้โอนมาจากเว็บพนันเข้าบัญชีณัฐพงษ์ ณัฐพงษ์มี 5 บัญชีม้า โอนไปโอนมาระหว่าง 5 บัญชีนี้ เสร็จแล้วโอนไปที่เมียผบ.ตร. อย่างนี้เท่ากับปิดบังซ่อนเร้นที่มาของเงิน เป็นการถ่ายโอนทรัพย์สินแล้ว ถ่ายโอนเงินไปไม่ให้รู้ว่าที่ไหน แต่ทีมงานผมเจอแล้วเขาโยงใยเส้น เดี๋ยวผมจะโพสต์ให้ดูว่าเส้นเงินเข้ายังไง แล้วไปถึงได้อย่างไร เมื่อก่อนเดือนละ 159,000 บาท โอนจากบัญชีของณัฐพงษ์ทุกเดือน แล้วเป็นเดือนละแสน จนวันที่ 8 เดือน 3 ปี 2021 ลดลงมาเหลือ 59,000 บาท จนถึงเดือน 8 ปี 2023 รวมเป็นเงินมหาศาลที่ได้รับรายเดือน ที่มาจากบัญชีของการพนันออนไลน์บัญชีส่วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี