“ทนายตั้ม”มาตามนัด หอบหลักฐานเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน ปปป.เพิ่มเติม ปมตำรวจรับส่วยเว็บพนัน-ธุรกิจสีเทา ยันบิ๊กตร.ถอนแจ้งความ ไม่มีดีลลับเข้าร้องทุกข์ที่ สน.เตาปูน 1 เมษายนนี้ เหมือนเดิม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนกล่าวก่อนเข้าให้ปากคำในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับคณะพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ว่าได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยนัดหมายกับทางพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ซึ่งประเด็นที่จะมีการให้ปากคำจะเกี่ยวกับหลักฐานที่เคยยื่นไว้ให้ตั้งแต่ได้เข้าร้องขอให้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานกรณีตำรวจรับส่วยจากเว็บพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกันนี้ ตนได้มาให้การเพิ่มเติมและขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้ระบุไว้อย่างละเอียดในคำให้การและขอให้ตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับไหนบ้าง ตั้งแต่ระดับชั้น พ.ต.อ.จนถึงชั้นประทวน และไปถึงระดับ พล.ต.อ.นอกจากนี้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ จะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.รวมทั้งภรรยาของ ผบ.ตร. และบัญชีม้า 2ราย ที่ สน.เตาปูน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่เคยได้นัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอเสียงสนทนาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ราย ซึ่งได้โพสต์ลงไว้ในเพจเฟซบุ๊กตัวเองนั้น นายษิทรา ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 และเป็นการพูดคุยกันของชุดทีมแม่บ้านตำรวจคอมมานโด และตำรวจบก.ปคม.ในการเก็บส่วยคาราโอเกะย่านลาดพร้าว ซึ่งปกติทาง บก.ปคม.เก็บอยู่แล้ว ในอัตราร้านละ 1,000 บาท 3 ร้านก็ 3,000 บาท แต่ภายหลังมีตั๋วคอมมานโดเพิ่มเข้ามา ขอให้เก็บอย่างน้อยร้านละ 500 บาท รวมเป็น 4,500 บาทต่อร้าน
สำหรับประเด็นที่จะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนนั้น นายษิทรา กล่าวว่า เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากบัญชีม้าของ น.ส.พิมพ์พิไล (สงวนนามสกุล) ที่ถูกจับกุมในคดีเว็บพนันออนไลน์BNK Master และเว็บพนันออนไลน์VENUS Master รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับดาบยาว หรือ ด.ต.อภิชาติ สุวรรณเพ็ชรผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.2 และรองฟาง หรือ พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.2ซึ่งเป็น 2 ตำรวจสังกัด บช.สอท.หรือตำรวจไซเบอร์ ลูกน้องคนสนิทของ ผบ.ตร.เรื่องการรับเงินจากเว็บพนันและเรื่องเส้นทางการเงินตามที่ตนได้เคยเผยแพร่ข้อมูลไว้แล้วจึงมาให้การเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน และเลขบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องให้ปรากฏในรูปของสำนวนคดี
นายษิทรา กล่าวถึงการที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้สั่งให้ทีมกฎหมายถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณารวมทั้งถอนฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 5 ล้านบาทกับตนนั้น เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ได้ไปทำบุญที่วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี ตนปากไวไปหน่อยที่พูดว่าจะไปขอหมายศาลเรียกเอกสาร เช่น รายการเดินบัญชี (Statement) พวกเขาคงกังวลว่าตนจะไปเรียกเอกสารสำคัญอะไรมา ก็เลยมีการไปถอนฟ้อง ทำให้ไม่สามารถเรียกเอกสารอะไรโดยใช้หมายศาลได้ แต่ไม่เป็นไร อย่างที่ได้ระบุกับทางตำรวจไปแล้วว่าจะมีการเรียกทุกอย่างที่ได้มีการขอไปทั้งหมด
นายษิทรา กล่าวว่า การไปถอนฟ้องของคู่กรณีตนไม่ได้ไปขอให้เขาถอนฟ้อง มันไม่เกี่ยวกับการต่อรองอะไรกัน ดังนั้นการที่เขามาฟ้องเองแล้วถอนฟ้องเองก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็จะดำเนินการต่อไป ตามที่ได้นัดหมายไว้ 2 เรื่องคือดำเนินคดีกับตำรวจที่พัวพันกับการรับส่วย และเรื่องส่วยที่มันสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ซึ่งได้เรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เข้ามาจัดการกับปัญหานี้ อย่านิ่งเฉย เพราะทุกคนรู้เรื่องกันหมด นายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาลแต่ไม่คิดแก้ไขอะไรเลย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีดีลลับ รับรองว่าที่นัดหมายทุกคนไว้ว่าวันที่ 1 เมษายนนี้จะเข้าแจ้งความก็จะไปแจ้งตามเดิม ถ้ามีดีลลับก็คงจะไม่ไปแจ้งความแล้ว
“เรื่องนี้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ประสานขอหลักฐานกับผม เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้ ซึ่งเห็นถึงความตั้งใจของผู้นำฝ่ายค้าน ในวันที่ 1 เมษายนนี้ เวลา 14.00 น.ก็จะไปพบนายชัยธวัชที่รัฐสภา เพื่อให้ท่านดูหลักฐานต่างๆ ส่วนจะไปเชื่อมโยงกับการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 3-4 เมษายนนี้หรือไม่นั้น ผมไม่ทราบว่าเขาจะอภิปรายเรื่องอะไรกันบ้าง แต่ถ้าข้อมูลที่มีอยู่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายของรัฐบางหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นเพราะหัวหน้ารัฐบาลเขาไม่ได้สนใจเรื่องส่วย ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านเขาสนใจ จึงประสานมาที่ผมในเรื่องที่เคยแถลงต่อสื่อมวลชน” นายษิทรา กล่าว
นายษิทรา กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและคนในครอบครัว ว่าถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมาขับขี่รถตามรถของตน แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัว เพราะไปเล่นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายตำรวจมากกว่า 100,000 ราย ทั้งนี้ เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นแล้ว นายษิทรา ได้เดินมายังบริเวณด้านหน้าศูนย์รับแจ้งความ บช.ก.ก่อนจะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.พงศ์ปณต บัวแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป.ดำเนินการสอบปากคำ ซึ่งนายษิทรา ได้ยื่นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วย รวมทั้งหมด 175 รายการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี