น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา “พลังมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Campus)” โดยมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประชุมกว่า200 คน
น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความตั้งใจในการนำพลังของมหาวิทยาลัยกว่า 170 แห่ง ที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการนำของ ทปอ. ทั้ง 4 แห่ง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่ง กระทรวง อว. ได้มีการขับเคลื่อนนโยบายหลายด้าน อาทิ “อว. For EV” ที่มีมาตรการสำคัญ คือ EV Transformation โดยมีเป้าหมายให้มหาวิทยาลัยและหน่วยงานในกระทรวง อว. ปรับเปลี่ยนรถที่ใช้งานเป็นรถ EV30% ภายในปี 2030 หากบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย 5,000 คัน ภายในปี 2030 ก็จะช่วยประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงปีละประมาณ 500,000 ตัน
“กระทรวง อว. มีพลังอย่างมากที่จะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายของประเทศ ในเรื่อง Net Zero Emissionซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประเทศที่ผูกโยงทั้งมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม โดยมหาวิทยาลัยจะร่วมกันดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกภายในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในด้านพลังงาน และการจัดการของเสีย นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนชุมชนและพื้นที่ต่างๆ ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการทำงานวิจัยและใช้นวัตกรรม ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สามารถขยายไปสู่การสนับสนุนให้มีการเรียนการสอน การทำวิจัย และการจัดสรรทุนวิจัยที่เกี่ยวข้องและตรงตามความต้องการอย่างแท้จริงต่อไปได้”รมว.อว. กล่าว
ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล ประธาน ทปอ. กล่าวถึง เป้าหมายสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้คือการรวมพลังของมหาวิทยาลัยและเครือข่าย เพื่อให้เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี 2065 โดย สอวช. ภายใต้บทบาทการเป็นหน่วยประสานงานกลาง ด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (National Designated Entity: NDE) ภายใต้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยีของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) และด้านนโยบาย อววน. ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะผลักดันในเชิงนโยบายระดับประเทศ ที่ต้องผลักดันผ่านกลไกของมหาวิทยาลัยต่างๆ ส่วน สกสว. มีบทบาทสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณในการขับเคลื่อนงานวิจัยให้ไปสู่การปฏิบัติจริง รวมถึง สส. ซึ่งเป็นความหวังของประเทศ เป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ โดยทั้ง 4 หน่วยงานมีแผนที่จะทำข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานร่วมกันในเดือน พ.ค.นี้
“ขณะนี้ ทปอ. มีสมาชิก 36 สถาบัน และยังมีสมาชิกที่อยู่ในเครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย (SUN Thailand) อีกกว่า 49 แห่ง นอกจากนี้ ยังมี ทปอ. มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) และสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท) รวมแล้วกว่า 170 แห่ง ที่ร่วมกันทำงาน เพื่อตั้งโจทย์วิจัยที่มีเป้าหมายตรงกันตามนโยบายของ รมว.อว. ที่ให้เพิ่มงานวิจัยที่ตรงเป้า ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ และศึกษาเชิงนโยบายขยายผลไปสู่ Net Zero Emission ผลักดันไปสู่ระดับชุมชนด้วย” ประธาน ทปอ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี