‘ศรีสุวรรณ’เปิดใจ!โวยถูกกลั่นแกล้ง ล็อกเป้าคนออก‘ใบสั่ง’หวังแตะเบรกร้องเรียนควง 2 ทนายความย่องเข้าให้ปากคำตำรวเพิ่มเติม ยืนยันทำหน้าที่ต่อ ส่วนคดีไปว่ากันในชั้นศาล ด้านภรรยานัดรายงานตัวที่ บก.ปปป.ตามกำหนดคำสั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (4 เม.ย.67) เวลา 13.30 น. ภรรยาของนายศรีสุวรรณ จรรยา จะเดินทางมาที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อเข้ามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ที่ บก.ปปป.ตามกำหนดคำสั่ง
ขณะที่เมื่อวันที่3 เม.ย.ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ เดินทางมาพร้อมทนายความ 2 คน คือ นายธัชสพล พลเดช และนายประทีป จอมทอง ซึ่งเป็นการเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีข่มขู่เรียกรับเงิน โดยการเข้าให้ข้อมูลใช้เวลานานกว่า 3 ชม.
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ส่งเอกสารไม่ต่ำกว่า 5 ชุด ให้นายศรีสุวรรณ อ่านตรวจสอบ และเซ็นยืนยัน สำหรับเอกสารดังกล่าวจากการสังเกตภายในเอกสารมีทั้งข้อความ และภาพแผนที่ประกอบ ซึ่งเป็นภาพที่ปริ้นออกมาจากกูเกิ้ลแมพ อยู่หลายฉบับ แต่ไม่ทราบว่าเป็นแผนที่สถานที่ใด ซึ่งขณะที่นายศรีสุวรรณกำลังให้ปากคำอยู่นั้น ได้หันมายกนิ้ว และยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว ด้วยความมั่นอกมั่นใจ
นายศรีสุวรรณ เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำว่า เจ้าหน้าที่จาก บก.ปปป.ที่เป็นเจ้าของสำนวน ได้เชิญมาสอบถาม และให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ซึ่งทางเจ้าพนักงานอาจมีข้อสงสัยในคำให้การ หรือในข้อกล่าวหา ที่ตนเองเคยส่งไปก่อนหน้านี้ 16 หน้า รวมถึงเอกสารประกอบ 70 กว่าหน้า เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น คงไม่มีอะไรมาก
สำหรับความคืบหน้าของคดี ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ยังไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน คงต้องใช้เวลาอีกนาน ตนเองต้องเข้ามารายงานตัวในทุก ๆ เดือน ตามกำหนดนัด ส่วนตัวคิดว่ากว่าเจ้าของสำนวนจะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จแล้วส่งอัยการ ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน 6-7 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ หากเรื่องถึงอัยการ ก็ขึ้นอยู่ว่าจะพิจารณาสำนวนเป็นอย่างไร อาจจะย้อนสำนวนมาสอบเพิ่ม หรืออาจแทงสำนวนมาว่าไม่มีน้ำหนัก ก็อาจสั่งไม่ฟ้อง แต่หากสั่งฟ้องก็ต้องไปว่ากันอีกที ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล ขั้นตอนนี้คงอาจใช้ระยะเวลาอีกหลายปี ยกตัวอย่างคดีของคุณหญิงพรทิพย์ ก็ใช้เวลานานถึง 14-15 ปี ก็ต้องสู้กันไป
นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เพราะตนเองเป็นคนที่รู้ข้อมูล รู้กฎหมายมากที่สุด ฉะนั้นประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องเท็จเสียส่วนใหญ่ ตนเองมีหน้าที่เดียวคือต้องชี้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร
เมื่อถามว่า หลังถูกคดี ไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย เป็นเพราะอะไร มีข้อกำหนด หรือใครสั่งห้ามหรือไม่ นายศรีสุวรรณตอบว่า ไม่มีใครสั่งห้าม แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องหยุด เพื่อใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานในการมาต่อสู้คดี ส่วนงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย หรือถูกฟ้องร้องคดี ก็ยังทำอยู่ทุกวัน เพียงแค่ไม่ปรากฏเป็นข่าวก็เท่านั้นเอง ยังคงขึ้นลงศาล ไปฟ้องคดี ต่อสู้ให้ผู้ที่เดือดร้อนอยู่ตลอด และยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เขียนจดหมายขอความช่วยเหลืออยู่ไม่ขาด
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ตนเองช่วยเหลือชาวบ้านมาตั้งแต่ปี 35 หากตนเองมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา ตนเองคงไม่อยู่และเดินเรื่องการช่วยเหลือมาได้ถึง 30 ปี ตนเองช่วยเหลือชาวบ้านทั้งประเทศ ทั้ง 77 จังหวัด ชาวบ้านทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือไป ย่อมรู้ดีว่า ศรีสุวรรณ ให้การช่วยเหลืออย่างจริงใจแค่ไหน และเคยเรียกรับเงินทองจากชาวบ้านหรือไม่ คนเหล่านั้นย่อมรู้ดี ยืนยันว่า ไม่เคยมี มีแต่น้ำใจเท่านั้นที่ชาวบ้านมอบให้
“ยืนยันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองถูกกลั่นแกล้ง เป็นใบสั่งจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ตนเองได้เดินเรื่องร้องเรียนไป ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักการเมือง และข้าราชการระดับสูง ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการสร้างการกระทบกระเทือน และสร้างความไม่พอใจให้อย่างมากมหาศาล โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่เคยถูกยุบพรรคไปก็หลายพรรค นักการเมืองเองก็ถูกตัดสิทธิ์ไปหลายคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้อเจ็บแค้นของนักการเมืองอยู่แล้ว ฉะนั้นการทำให้ศรีสุวรรณสะดุดหยุดลง ไม่สามารถออกมาเคลื่อนไหวตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านี้ ก็ย่อมได้ประโยชน์ จึงมีความพยายามทำทุกอย่างที่จะทำให้ศรีสุวรรณพะวักพะวงในการแก้ไขปัญหาคดีของตนเอง เพื่อไม่ให้ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน ตรวจสอบนักการเมืองได้อีกต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่า แล้วทราบหรือไม่ว่า ใบสั่งนั้นมาจากใคร นายศรีสุวรรณตอบ ไม่ทราบ พร้อมทั้งขอให้ประชาชน รวมถึงเอฟซี ที่ติดตามผลงานของตนเองมาตลอด เชื่อมั่นได้เลยว่า ตนเองไม่เคยมีพฤติกรรมเหล่านั้น ตามที่ตกเป็นข่าว ยังคงยึดมั่นทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกกลั่นแกล้ง และเอาเปรียบจากนักการเมือง และข้าราชการอย่างต่อเนื่องต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี