มท.1 นำผู้บริหาร มท.ประกาศความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะร่วมกับ UN และ ทส. มุ่งมั่นร่วมกันเป็นหุ้นส่วนบริหารจัดการขยะครัวเรือน เพื่อรักษาโลกใบเดียวให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
วันนี้ (5 เม.ย.67) เวลา 09.00 น.ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติประจำประเทศไทย กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณอาร์มิดา ซัลเซีย อาลีเซียบานา รองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติและเลขาธิการบริหารคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียแปซิฟิก (ESCAP) คุณกีต้า ซับบระวาล ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมประกาศความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะภายใต้หุ้นส่วนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (The Success of Thailand's Waste Bank Partnership Initiative) โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และสื่อมวลชน ร่วมในงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการรวมตัวของ Partner หรือ "หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน" ของเราอีกครั้งหนึ่ง เป็นการนำ Soft Power สู่ Hard Power ด้วยพลังของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และองค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทย ซึ่งเราได้ร่วมกันทำสิ่งหนึ่งที่สำคัญ จนประสบความสำเร็จ คือ "การจัดตั้งธนาคารขยะครบทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และตนขอย้ำว่า "ความสำเร็จนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย หากปราศจากความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากปัจจุบันโลกของเราไม่เพียงแต่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ "สภาวะโลกร้อน" แต่ความรุนแรงของปัญหานี้ได้ยกระดับไปถึงขั้น "โลกเดือด และหายนะทางสภาพภูมิอากาศ" ซึ่งในฐานะที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก เราไม่นิ่งนอนใจ เราได้สร้างความร่วมมือกับ UN และ ทส. เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของประเทศไทย คือ "การไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050" และ "การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065"
ดังนั้น ในปีนี้เราจึงได้ขับเคลื่อนอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญ คือ "การจัดตั้งธนาคารขยะให้ครบทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" เพื่อนำขยะที่สามารถใช้ประโยชน์ได้กลับไปสู่กระบวนการใช้ประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง นี่คือการ "ลดปริมาณภูเขาขยะ" ขนาดใหญ่ในประเทศที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และยัง "สามารถสร้างรายได้ สร้างสวัสดิการ" ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อน SDGs ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยสิ่งที่สำคัญของกระบวนการบริหารจัดการขยะ คือ "การจัดการขยะต้นทาง" ที่จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการจัดการขยะของประเทศ และนำสู่การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้ และต้องอาศัย "การมีส่วนร่วมของประชาชน" ในชุมชน ผ่านการขับเคลื่อนนโยบายในระดับต่าง ๆ ของรัฐบาลและจะต้องมีความต่อเนื่องจึงจะเกิดความยั่งยืน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำ และผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตามที่ทุกท่านได้ประกาศเจตนารมณ์ต่อองค์การสหประชาชาติ ณ ที่แห่งนี้ไว้ว่า "76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน" ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ UN และ ทส. รวมถึงสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดตั้ง "ธนาคารขยะ" ครบทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนสำเร็จ และกระทรวงมหาดไทยมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันเพื่อต่อยอดภารกิจสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทส. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะภายใต้หุ้นส่วนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะปัจจุบันปัญหาขยะเป็นวิกฤตสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นวิกฤตโลกที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ดังนั้น การขับเคลื่อนธนาคารขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นก้าวสำคัญไปสู่การลงมือทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนได้รับประโยชน์ร่วมกัน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ครบวงจรและยั่งยืน และจะเป็นประโยชน์กับสาธารณชนและทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณอาร์มิดา ซัลเซีย อาลีเซียบานา กล่าวว่า UN มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประกาศความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะภายใต้หุ้นส่วนร่วมกับประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ไปลงพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนในระดับภูมิภาค ซึ่งเห็นความสำเร็จได้จาก อบต.โก่งธนู เราได้ไปเยี่ยมชมชาวบ้านและได้เรียนรู้การบริหารจัดการขยะในระดับท้องถิ่น ซึ่งชุมชนต่างมีการบริหารจัดการขยะได้ดีมาก มีการจัดตั้งธนาคารขยะ มีการจัดทำปุ๋ยอินทรีย์จากการถังขยะเปียกลดโลกร้อน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำมาซึ่งการคิดคำนวณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการสนับสนุนจาก ธ.กสิกรไทยในรับซื้อคาร์บอนเครดิต อันเป็นตัวอย่างของการที่ประเทศไทยมุ่งมั่นนำแนวทางเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาใช้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงการใช้กฎหมายเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องร่วมกันบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เริ่มจากที่ตัวเราและครัวเรือน หาก 14 ล้านครัวเรือนในประเทศไทยทำได้ ก็จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1.87 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ธนาคารขยะจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เราทุกคนได้รับประโยชน์ โดย UN พร้อมที่จะสนับสนุนและขับเคลื่อนร่วมกับประเทศไทย เพื่อให้บรรลุความสำเร็จตาม SDGs
คุณกีตาร์ ซับบระวาล กล่าวว่า วันนี้เป็นการประกาศความสำเร็จของการขับเคลื่อน SDGs โดยเฉพาะการบริหารจัดการขยะตามเป้าหมาย SDGs ซึ่งผู้นำที่มาในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด จึงขอขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอย่างเข้มแข็งตลอดมา โดย UN ตระหนักยิ่ง และพร้อมจะร่วมมือขยายผลสิ่งที่ดีให้ทุกชุมชนได้รับประโยชน์จากการการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม นำขยะเปลี่ยนเป็นมูลค่าหมุนเวียนกลับไปพัฒนาชุมชน รวมถึงเป็นแหล่งเงินทุน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ซึ่งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้เทคโนโลยีคิดคำนวณคาร์บอนเครดิต ทางสถาบันการเงินระหว่างประเทศจะสามารถสนับสนุน และหวังว่าเราจะประสานความร่วมมือเป็นภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ร่วมกันทำให้เกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อที่ 17 "Partnership" ที่ถือเป็นกลไกการทำงานที่สำคัญที่สุด ทั้งนี้ ความสำเร็จการจัดตั้งธนาคารขยะ รวมถึงความสำเร็จของการมีถังขยะเปียกลดโลกร้อนในทุกครัวเรือน กระทรวงมหาดไทยมีปัจจัยแห่งความสำเร็จ Key Success ที่สำคัญ คือ "สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภายใต้การนำของ ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย" ที่เป็นกำลังสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ในการนำท่านประธานแม่บ้านมหาดไทยทุกจังหวัดช่วยกันขับเคลื่อนร่วมกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านนายอำเภอ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีทั่วประเทศ จนทำให้เกิดความสำเร็จ ด้วยพวกเรามีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเจตนารมณ์ "76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน" ร่วมกับ UN เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 65 แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุข และหนุนเสริมทำให้เราชาวมหาดไทยมีแรงกระตุ้นและมี "Passion" ในการนำหัวใจของเราไปสู่พี่น้องประชาชน ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมีพลังทำให้เกิดความสำเร็จดังที่พวกเราตั้งใจจนเกิดผลเป็นรูปธรรมได้ ซึ่งการคัดแยกขยะครัวเรือนใน 14 ล้านครัวเรือน ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับสนับสนุนรับซื้อคาร์บอนเครดิตจากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3,140 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวมมูลค่า 816,400 บาท ตลอดจน บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ และองค์กรภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุน ทำให้ปัจจุบันเราได้จำหน่ายคาร์บอนเครดิตแล้วกว่า 2.5 ล้านบาท โดยมี UN ประจำประเทศไทยเป็นกำลังใจให้เราชาวมหาดไทย ขับเคลื่อนโดยนำต้นแบบของการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ไปสู่การจัดตั้งธนาคารขยะ ในจำนวน 7,849 อปท. ปัจจุบันเราสามารถจัดตั้งธนาคารขยะ 14,658 แห่ง ครบทุก อปท. ทำให้ทุกหมู่บ้านใน 878 อำเภอ 76 จังหวัดมีตัวอย่างที่ดี "Best Practice" ขยายผลไปสู่หมู่บ้านครัวเรือนเพิ่มเติม
“นับจากนี้อีก 6 ปี เราคาดว่าเงินรายได้จากขยะรีไซเคิล จะเกิดขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรียกได้ว่าเราได้เข้าสู่ Circular Economy ภายใต้การขับเคลื่อนของชาวมหาดไทย จึงขอขอบคุณทุกท่านอย่างยิ่ง แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น คือ ทำให้ทุกท่านมีจิตสำนึกในการรักษาโลกใบเดียวนี้ของเราไว้อย่างยั่งยืน ดังนั้น การประกาศความสำเร็จในวันนี้ อปท. ทั่วประเทศจึงภาคภูมิใจได้ว่า เราทุกคนได้เป็นพลเมืองดีของโลก ทั้งการคัดแยกขยะ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ตลอดจนร่วมกันสืบสาน รักษา ต่อยอดสิ่งที่ดี ถ่ายทอดสู่ลูกหลาน ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ผู้บริหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่าย ดำเนินการตามหลัก 5P หรือ SDGs 17 เป้าหมาย เพื่อทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน และทำให้โลกใบเดียวของเรายังคงสวยงาม ขอยืนยันว่าความสำเร็จ "76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน" เป็นจริงแล้วในวันนี้” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ผู้อุทิศแรงกายแรงใจ ในการ Change for Good ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อทำให้ภารกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุขบังเกิดผลสำเร็จ โดยมีจังหวัดต้นแบบ 4 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ลพบุรี ลำพูน และเลย ทั้งนี้ ภารกิจของพวกเราครอบคลุมทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 76 จังหวัด 878 อำเภอ โดยสิ่งที่เป็น Masterpiece of Success เกิดขึ้นได้เพราะเรามี "ผู้นำที่ดี" ดังเช่นทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ ผู้มีความมุ่งมั่น เข้มแข็ง และกล้านำสิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชนตามแนวทาง "ผู้นำต้องทำก่อน" อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งนี้ โจทย์สำคัญที่จะต้องทำ คือ ทำให้ทุกพื้นที่ได้ช่วยกันทำให้เกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเอาแนวทาง Masterpiece ไปขับเคลื่อนขยายผลในทุกพื้นที่ ช่วยกันทำหน้าที่เป็น Salesman ถ่ายทอดเชิญชวนให้ภาคเอกชนมาร่วมรับซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนในทุกชุมชนต่อไป และเนื่องในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขอให้พวกเราได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติด้วยการมุ่งมั่นร่วมกันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นการ "แก้ไขในสิ่งผิด" ดังพระราชดำรัส "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ต้องทำทันที (Action now) เพื่อความสำเร็จที่เรามาร่วมกันประกาศในวันนี้เป็นจริงในวงกว้างและยั่งยืน ด้วยน้ำมือของพวกเราชาวมหาดไทยทุกคน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี