ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./รรท.ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
กก.1 บก.สส.สตม.จับกุมและเพิกถอนวีซ่า นายคานู (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเซียร์ราลีโอน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.129/2567 ลงวันที่ 5 ก.พ.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดย่าน อโศก - รัชดา (พระรามเก้า) แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมกับเพิกถอนวีซ่าของนายซีเซ่ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติไลบีเรีย ดำเนินการตามกฎหมาย
กก.1 บก.สส.สตม.ได้ตรวจพบสกู๊ปข่าว "เข้มข่าวค่ำ" ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PPTV และสกู๊ปข่าว "สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์" ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7HD นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่า ถูกแก๊งคนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคำ แล้วถูกแอบสลับเงินนำธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทน สูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท จึงได้ประสานขอข้อมูลจากผู้เสียหาย เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งผิวสีและช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยทราบว่าคดีนี้เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ผู้เสียหายและเพื่อนได้มีการติดต่อซื้อขายทองคำกับชายชาวผิวสี ทราบชื่อภายหลังคือนายเควิน และนายซีเซ่ โดยนายซีเซ่ แจ้งว่ามีทองคำเม็ดเล็กๆ ต้องการจะขายให้กับผู้เสียหาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ผู้เสียหายพร้อมด้วยสามีผู้เสียหาย และเพื่อนหญิงชาวไทย ได้ขอนำเม็ดทองไปตรวจสอบ โดยนายเควิน นายซีเซ่ และนายคานู (ทราบชื่อภายหลัง) ร่วมไปด้วย โดยนายคานูได้ให้เม็ดทองมาจำนวน 15 เม็ด เพื่อนำไปตรวจสอบที่โรงหลอมทอง ผลปรากฏว่าเป็นทองคำจริง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อตกลงร่วมลงทุนซื้อขายทองคำ โดยตกลงซื้อขายกันที่ กก.ละ 34,700 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้เสียหายจึงได้ไปแลกเงินเพื่อเตรียมซื้อขาย ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ได้นัดกันไปทำการส่งมอบเม็ดทองที่โรงแรมย่านสุขุมวิท โดยได้แบ่งเงินไว้ที่ผู้เสียหายจำนวน 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นค่านายหน้าให้กับผู้แนะนำ ส่วนสามีผู้เสียหายได้นำเงิน จำนวน 31,200 ดอลลาร์สหรัฐ ไปให้นายคานูตรวจนับภายในห้องที่เกิดเหตุ โดยผู้เสียหายขอให้นำเม็ดทองทั้งหมดไปตรวจสอบก่อน จึงจะมอบเงินให้ นายเควิน และนายคานู จึงทำท่าทีไม่พอใจและพูดจาโต้เถียงกับสามีผู้เสียหาย จนกระทั่งสามีผู้เสียหายเผลอ จึงได้แอบสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐปลอมที่เตรียมมากับเงินดอลลาร์สหรัฐจริงของผู้เสียหาย โดยสามีผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว
จากนั้นจึงทำทียอมไปตรวจสอบเม็ดทองที่โรงหลอมก่อน สามีผู้เสียหายจึงได้เก็บเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยน ไปแล้วใส่กระเป๋าสะพาย แล้วพากันไปขึ้นรถของผู้เสียหาย เมื่อขับรถออกไปได้สักระยะ นายเควิน และนายคานู ออกอุบายขอลงจากรถเพื่อไปซื้อกาแฟแล้วได้หายตัวไป กลุ่มผู้เสียหายจึงเริ่มสงสัยและได้นำเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยนแล้วไปแลกที่ซุปเปอร์ริช จึงทราบว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินปลอม จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำนวน 2 ราย กก.1 บก.สส.สตม.จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 ราย คือนายเควิน และนายคานู และได้ทราบว่ามีนายซีเซ่ ร่วมขบวนการด้วย กก.1 บก.สส.สตม.จึงได้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมนายคานู และนายซีเซ่ ได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี และเพิกถอนวีซ่าดังกล่าว ส่วนนายเควิน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบถามนายคานู ให้การยอมรับว่า ได้ร่วมกันกับ นายซีเซ่ และนายเควิน เพื่อนชาวผิวสี ชักชวนหลอกลวงให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อขายทองคำจริง หลังจากได้เงินดอลลาร์จากผู้เสียหายแล้ว ได้นำเงินมาแบ่งเท่าๆ กัน
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่จะมีแค่เรื่องทอง แต่มีของเรื่องเพรชด้วย คนมีสีเอาเพรชมาขายและมีการเปลี่ยนเงิน ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นไปในเรื่องของ ธนบัตรซึ่งเป็นธนบัตรของต่างประเทศ สิ่งแรกประชาชนอาจจะไม่คุ้นเคย พอให้ไปแลกก็ไปแลกมา และทางผู้ต้องหาก็ได้เตรียม ธนบัตรปลอมไว้และมาเปลี่ยน จะมีบางกรณีที่เดินสวนกันแล้วเอาแบงค์ออกมานับ ก็อยากจะเตือนพี่น้องประชาชนที่ค้าขายให้ระวัง สำหรับมาตรการในเรื่องของการตรวจสอบ ทาง สตม.ได้มีการกรวดขันในเรื่องของการแจ้งที่พักอยู่แล้วในการเข้า - ออกประเทศ ซึ่งในการทำธุรกิจ ระบบการทำธุรกิจในรูปแบบของบริษัท หรือในรูปแบบของบุคคล เราจะเน้นในเรื่องของการแจ้งที่พัก ให้ไปตรวจสอบที่พัก อย่างน้อยเราก็ได้เห็นการเคลื่อนตัวของชาวต่างชาติในเมืองไทยปัจจุบันว่าไปพักอยู่ที่ใด ซึ่งมีการออกตรวจสอบกันอยู่เสมอ ซึ่งในการกระทำความผิดของกลุ่มต่างๆไม่ใช่แค่ในประเทศไทยอย่างเดียว ในเอเชียก็มี หรือทางอเมริกาก็มี ซึ่งเราก็ได้มีการประสานงานกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในเรื่องของแผนประเภทคดีนี้ด้วย ตอนนี้ทาง สตม.พยามควบคุมให้เหมาะสมและพยายามสืบสวนสอบสวน
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี