คณะทำงานอัยการ-ดีเอสไอ จ่อเอาผิด 9 ตร.อรัญประเทศ อุ้มทรมาน"ลุงเปี๊ยก" คดีแจ้งข้อหาฆ่า"ป้ากบ"ตาม ม.157-พ.ร.บ.อุ้มหายฯ "วัชรินทร์"รองอธ.อัยการสอบสวน เผยมี ผกก.-รองผกก.โดนด้วย ดีเอสไอจ่อออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาหลังสงกรานต์ 7-9 พฤษภาคม นี้
เมื่อเวลา 17.00 น.เศษ วันที่ 10 เมษายน 2567 ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี ย่านตลิ่งชัน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ได้ร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ คดีที่ดีเอสไอรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษ นายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก คงแสนคำ กรณีลุงเปี๊ยกถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ดำเนินคดีอาญา คดีฆ่า นางบัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ หญิงสติไม่ดี วัย 47 ปี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 โดยมี นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด , นายดุษฎี กลิ่นเกษร พนักงานอัยการ , นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม , นายคณพ ปิ่นทอง ผู้อำนวยการส่วนสอบสวนการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 1 และคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอร่วมประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง
นายวัชรินทร์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวว่า วันนี้คณะทำงานร่วมประชุมกันเพื่อลงมติ และสรุปว่าจะแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจนายใดบ้าง ซึ่งมีการประชุมกันมาตั้งแต่บ่ายจนได้ข้อสรุปเรียบร้อย โดยที่ประชุมมีมติแจ้งข้อหาแบ่งเป็นระดับ ผกก.สภ.อรัญประเทศ รอง ผกก.สอบสวน รอง ผกก.สืบสวน สารวัตร และรองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่กระทำความผิดโดยตรงในห้องสอบสวนมีตำรวจชั้นประทวน 3 นาย
รวมทั้งหมด 9 นาย
หลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ดีเอสไอในการออกหมายเรียก แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย โดยกำหนดวันนัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาคือ วันที่ 7 - 9 พฤษภาคมนี้ ซึ่งให้เวลาในการเตรียมตัวมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาจากการสรุปวันนี้เป็นเพียงการพิจารณาจากหลักฐานตัวผู้เสียหาย คือ ลุงเปี๊ยก และพยานในที่เกิดเหตุและพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีทั้งนักข่าวและตำรวจในที่เกิดเหตุพยานหลักฐานดังกล่าว คณะทำงานเห็นว่าเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งภายหลังเเจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหายังมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใดๆ ก็ตามมาเเสดงว่าชี้แจงได้ ซึ่งทีมงานดำเนินการสอบสวนด้วยความบริสุทธิ์ตรงไปตรงม จะไม่เอาพยานหลักฐานเเค่ส่วนเดียว จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้เเจง
ส่วนระยะเวลาในการสรุปสำนวนส่งอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตเมื่อไหร่นั้น เรื่องนี้ สอบสวนพยานได้หลายปากแล้วจนมีแนวทางสรุปจนจะเเจ้งข้อกล่าวหาแล้ว เพราะเวลานี้การสอบสวนพยานหลักฐานได้เกือบครบถ้วนจึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ใช่นำผู้ต้องหาเป็นตัวนำ ก็แสดงว่าพยานหลักฐานเพียงพอแล้วคดีก็จะถูกส่งไปที่อัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 ส่วนหลังแจ้งข้อกล่าวหาต้นเดือนพฤษภาคม แล้วจะสรุปสำนวนส่งอัยการเมื่อใดก็ต้องดูว่าทางผู้ต้องหามีพยานหลักฐานให้คณะทำงานสอบสวนเเค่ไหน ไม่ใช่ขอให้คณะทำงานสอบพยานแล้วไม่สอบให้ เพราะต้องสอบว่าผู้ต้องหามีพยานหักล้างเเค่ไหนแล้วจึงค่อยสรุปสำนวนอีกครั้งว่าจะเห็นควรสั่งฟ้องใครไม่เห็นควรสั่งฟ้องใครบ้าง ในส่วนที่เราสอบสวนพยานหลักฐานฝ่ายของลุงเปี๊ยกก็ให้การ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจนเชื่อเเละเเจ้งข้อกล่าวหาได้
ด้าน นายน้ำแท้ เลขานุการรองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เรื่องฐานความผิดที่เริ่มพิจารณาก็คือตั้งแต่มีการจับตัวลุงเปี๊ยกไปทำให้สูญเสียอิสรภาพ และเมื่อควบคุมตัวแล้วก็ไม่มีการแจ้งให้กับอัยการ หรือฝ่ายปกครองทราบตรงนี้ก็คือการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และภายหลังมีการควบคุมตัวแล้วก็ไม่นำลุงเปี๊ยกไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนทันที แต่กลับนำเขาไปทรมานก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ส่วนจะเข้ามาตราไหนบ้างก็จะพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งในวันแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนพฤติการณ์ที่ไม่แจ้งการจับกุมก็เป็นในส่วนของการปกปิดชะตากรรม ทำให้ลุงเปี๊ยกไม่ได้รับสิทธิ์ ในการประกันตัวในการพบญาติเเละทนายความ ทำให้สิทธิ์ของลุงเปี๊ยกหายไปหมดเลยซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ในส่วนความผิดที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพก็จะดูว่าถ้าพบการกระทำผิด ก็ต้องแจ้งข้อหาในส่วนนี้อีก เพื่อให้ผู้ต้องหาให้การต่อสู้ ก็เท่ากับความผิด 3 ข้อหา คือ มาตรา 157 , ข้อหาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ (อุ้มหาย) เเละความผิดต่อเสรีภาพหน่วงเหนี่ยวกักขัง
นายอังศุเกติ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรมกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า โดยหลังจากนี้เราจะดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เร็วที่สุดคาดว่าจะเป็นหลังวันหยุดสงกรานต์นี้เลยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 - 9 พฤษภาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมูลเหตุขอวการเเจ้งข้อกล่าวหา มาจาก นายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก คงแสน คำถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในคดีฆาตกรรมป้ากบ หญิงสติไม่ดี และเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการดำเนินคดีกับลุงเปี๊ยก ข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยตำรวจเเจ้งว่า ลุงเปี๊ยกให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนลงมือฆ่าเเละกระทำด้วยความมึนเมา ต่อมาปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดที่สื่อมวลชนหามาได้จากจุดเกิดเหตุได้เปิดเผยความจริงว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมป้ากบเป็นกลุ่มเยาวชนวัยรุ่น 5 คน ซึ่งมี 2 คน ที่เป็นลูกตำรวจใน จ.สระแก้ว และมีการนำลุงเปี๊ยกไปทรมานจนดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และอัยการสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้ง นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน มาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนคดีนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี