‘ตำรวจสอบสวนกลาง-ศุลกากร’ร่วมยึดของกลาง‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’จำนวนมาก พบใช้เทคโนโลยี‘สเปซเอ็กซ์’ช่วยเชื่อมดาวเทียม กำลังย้ายฐานจากเมียนมาไปตั้งฐานที่มั่นใน‘อาณาจักรคิงส์โรมัน’ประเทศลาว ‘บิ๊กก้อง’เผยเชื่อมตำรวจต่างประเทศจ่อขยายผลจับกุมดำเนินคดีครั้งใหญ่ ปราบอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายระดับโลก
12 เมษายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. , พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผบก.ป. , พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. ร่วมกับนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี , นายเอกวุฒิ นาเอก นายด่านศุลกากรเชียงแสน แถลงข่าวจับกุม และตรวจยึดอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งบัญชีม้า และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายจำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และสื่อสารสนเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ทำให้ภาครัฐต้องตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ AOC ขึ้นมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และกรมศุลกากร จึงร่วมกันสืบสวนทำให้ทราบเบาะแสว่าจะมีพัสดุต้องสงสัย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติส่งมาจากต่างประเทศ เข้ามาประเทศไทย เพื่อส่งต่อผ่านทางพื้นที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทางสามเหลี่ยมทองคำด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
จากการตรวจสอบที่ด่านศุลกากรเชียงแสน พบกล่องลังกระดาษ และกล่องพลาสติกต้องสงสัย มีผ้าห่อหุ้มมิดชิด รวมแล้วกว่า 10 กล่องใหญ่ ซุกซ่อนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ริมแม่น้ำโขง พื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กับประเทศลาว เมื่อเข้าตรวจสอบ พบเครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุด พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง , สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม และสิ่งของอื่นๆ จำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชนได้ เนื่องจากปรากฏข้อมูล ข้อความแชทสนทนาจำนวนมาก ในลักษณะคล้ายสคริปต์การสนทนา วิธีการขั้นตอนการทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างโปรไฟล์ ในโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้ พบว่ามีภาพชาย-หญิงทั้งยุโรป และเอเชียหน้าตาดีในอิริยาบถต่างๆจำนวนมาก , ข้อความแชทสนทนาเชิงชู้สาว คล้ายกลุ่มคนร้าย Romance Scam หรือการหลอกให้รัก , ข้อความแชทสนทนาลักษณะชักชวนลงทุนรูปแบบต่างๆ , ข้อความขอคำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาระหว่างคนร้ายด้วยกัน , ตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินของกลุ่มคนร้าย ซึ่งพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ชาวต่างชาติฝั่งยุโรปและอเมริกา ในส่วนสมุดบันทึกที่มีข้อความภาษาจีน พบว่าคล้ายไดอารี่ของพนักงาน ในลักษณะจดขั้นตอนวิธีการทำงาน และเขียนบันทึกการทำงานในแต่ละวันเอาไว้ด้วย
นอกจากนี้ในพื้นที่บริเวณตลิ่ง ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน ยังพบถุงพลาสติก 1 ถุงใหญ่ ซุกซ่อนในป่าทึบ ภายในถุงบรรจุกล่องโทรศัพท์ 5 กล่อง ตรวจสอบภายในกล่องโทรศัพท์แต่ละกล่องพบโทรศัพท์มือถือใส่ซิมการ์ด , สมุดบัญชีธนาคาร , บัตร ATM พร้อมกระดาษจดรหัสบัตร ATM และ รหัสการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร พร้อมใช้งาน
เจ้าหน้าที่ยังร่วมกันตรวจสอบกล่องพัสดุต้องสงสัยที่ส่งโดยการขนส่งทางอากาศมาจากต่างประเทศ และผู้รับตามชื่อที่กล่องพัสดุปฏิเสธการรับ 2ราย โดยกล่องพัสดุรายแรกพบว่าถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ ภายในกล่องพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone ในยุโรป จำนวน 4,998 อัน ส่วนพัสดุรายที่ 2 ซึ่งระบุผู้รับอีกราย ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ตรวจสอบภายในกล่องพบ อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink ของบริษัท SpaceX อีกจำนวนกว่า 10 เครื่อง ซึ่งนับเป็นการพบอุปกรณ์นี้ครั้งแรก เบื้องต้น ประเมินมูลค่าของทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ประมาณ 5.4 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า บริเวณที่ตรวจยึดอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ตรงข้ามกับอาณาจักรคิงส์โรมัน ซึ่งเป็นเขตพิเศษของประเทศลาว ทำให้เชื่อว่าคาสิโนคิงส์โรมันมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปใช้พื้นที่ในการทำธุรกิจมืดที่หลอกลวงประชาชนทั่วโลกที่ จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการย้ายฐานจากประเทศเมียนมา เข้าไปในอาณาจักรคิงส์โรมัน เพื่อเปิดฐานปฏิบัติการใหม่ ที่สำคัญเราพบด้วยระบบสตาร์ลิงก์เป็นโทรศัพท์โหลดอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งยึดได้ทั้งหมด 10 เครื่อง ทำให้คนร้ายสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เน็ตพื้นฐาน
“เราเชื่อว่าแก๊งนี้เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีสาขาหลายหลายประเทศ ถ้าสาขาไหนไม่ปลอดภัยก็จะเปลี่ยนจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ทั้งคนทั้งของเขาสามารถขยับไปเหมือนมีสาขาหลายที่ ขึ้นอยู่ช่วงที่ประเทศไหนปลอดภัยก็จะเข้าไปทำในประเทศนั้น เราไม่เคยเจอของกลางเยอะขนาดนี้มาก่อน เขากำลังขยายฐานและเป้าหมายไปทั่วโลก เป็นปัญหาของโลกที่เราต้องช่วยกันแก้ เมื่อไปเจอตำรวจต่างประเทศก็มีการนำเรื่องนี้มาคุยเพื่อหาความร่วมมือในการช่วยปราบแก๊งเหล่านี้ อยากให้ทุกประเทศมาช่วย เพราะเป็นภัยสังคมอย่างรุนแรง” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า กำลังเสนอรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาจัดการปัญหานี้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งประสานกับตำรวจต่างประเทศทั้งจากอังกฤษ ที่เป็นต้นทางของซิมการ์ดโวดาโฟน ลาว เขมร พม่า และ จีน เราจะทำเต็มที่ แต่จะได้ผลแค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมือของตำรวจประเทศนั้น เพราะการเข้าไปสืบสวนในต่างประเทศต้องใช้ความร่วมมือ และการขยายผลเป็นหลัก
ด้าน พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่า ได้สืบสวนขยายผลถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งในกลุ่มแรกพบว่าซิมการ์ดถูกส่งจากประเทศอังกฤษมาให้กับคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และคนไทยคนนี้ก็จะนำสิ่งของนี้ส่งต่อไปให้ชาวจีนที่คิงส์โรมันฝั่งประเทศลาว ส่วนของกลางชุดที่ 2 เป็นเครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางการขนส่งทางอากาศมายัง อ.เชียงแสน เพื่อส่งต่อให้กับชาวจีน และชาวไทยที่คิงส์โรมันเช่นเดียวกัน ส่วนชุดที่ 3 ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบันทึกเราได้แปลภาษาจากภาษาจีน
“ตัวอุปกรณ์ชุดที่ 3 น่าจะเคยถูกใช้คอลเซ็นเตอร์มาก่อนในพื้นที่ประเทศเมียนมา พบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวยุโรป ชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ในอุปกรณ์เหล่านี้ยังพบข้อมูลเกี่ยวกับบทสนทนาต่างๆการพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มเหยื่ออีกทางการพูดคุยกับพนักงานคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังพบสิ่งที่น่าสนใจคืออุปกรณ์เหล่านี้มีการจ้างงานประวัติของพนักงานที่เป็นชาวจีน ชาวลาว ชาวพม่าชาวไทย ซึ่งเราจะขยายผลต่อสิ่ง และในส่วนที่ 4 เป็นบัญชีม้า เชื่อว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นการพนันออนไลน์ หรือการฉ้อโกงออนไลน์จะขยายผลดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ กล่าว
ส่วนนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กล่าวว่า ได้ร่วมกันเฝ้าระวังอุปกรณ์และพัสดุที่ส่งไปรษณีย์ไปตามตะเข็บชายแดนภาค เชื่อว่าจะนำไปใช้ในการประกอบกิจการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ เราได้ประสานกับตำรวจ เพื่อไปช่วยดูว่าอุปกรณ์ใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างที่ผ่านมาศุลกากร จึงได้ตรวจที่บริษัทไปรษณีย์เชียงแสน จึงพบอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นจึงประสานกับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้มาตรวจสอบ โดยมีการหาข่าวเฝ้าระวังตลอดเวลาด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี